- Home
- Special Report
- 5เดอะ แบก “ไทยลีก” (ยุคใหม่) กับเส้นทางที่ผ่านมา

5เดอะ แบก “ไทยลีก” (ยุคใหม่) กับเส้นทางที่ผ่านมา
DST.News Report : การหลั่งไหลเข้ามาของแข้งต่างชาติในไทยลีก ทำให้มักจะมีปรากฎการณ์
เกิดขึ้นอยู่เสมอๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ว่านักฟุตบอลที่เล่นอยู่ในประเทศไทย อาจจะไม่คุ้นชื่อของนักเตะใหม่ที่ย้ายมาเท่าใดนัก ทำให้ไม่ได้รับการประกบเป็นพิเศษ พอมารู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นว่า ลุกฟุตบอลไปซุกอยู่ที่ก้นตะข่ายทีมตัวเองเสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม คนที่จะถูกยกให้เป็น “เดอะแบก” ได้นั้น ก็ต้องเป็นผุ้เล่นที่ทำผลงานได้อย่างสม่ำเสมอ และพาต้นสังกัดจบฤดูกาลด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม จึงจะถูกจดจำจากแฟนบอล
หาใช่ ประเภทที่ มานัดแรก ยิง แฮตทริค แล้วเงีบหายไปเป็นสิบนัด
วันนี้ DailySoccerThailand จะพาไปย้อนรอยบรรดา นักเตะที่ถูกขนานนามว่าเป็น “เดอะแบก” แห่งไทยลีก(ยุคใหม่) ว่ามีใครกันบ้าง
เฮเบอร์ตี้ เฟอร์นานเดซ (ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ฤดูกาล 2557)

หลังโชว์ฟอร์มได้ไม่สุด!! ตอนที่เล่นให้ เวลกาตะ เซนได ในศึก เจลีก ฤดูกาล 2013 ดาวซัลโวไทยลีกคนปัจจุบัน ตัดสินใจย้ายมาหาความท้าทายกับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี เป็นทีมแรกในประเทศไทย โดยครั้งหนึ่งเจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ว่า
“ประเทศไทยไม่เคยเป็นป้าหมายที่ต้องการมาค้าแข้ง และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฟุตบอลที่นี่เป็นยังไง”
อย่างไรก็ตาม ฤดูดาลดังกล่าว “ราชันมังกร” พึ่งจะได้ขึ้นมาสูดอากาศบนลีกสูงสุดเป็นปีที่ 2 เท่านั้น การเข้ามาของเฮเบอร์ตี้ สร้างอิมแพ็คอย่างมากให้กับทีมเมืองโอ่ง
ผู้รักษาประตูหลายรายต่างตกเป็นเหยื่อฟรีคิก “ซ้ายปลิดวิญญาณ” เพราะพวกเขาไม่รู้มาก่อนว่า แนวรุกหน้าใหม่คนนี้ มีลูกนิ่งเป็นอาวุธลับ ก่อนเจ้าตัวจะจบฤดูกาลแรกบนแผ่นดินสยามด้วยผลงาน 26 ประตูในไทยลีก ส่งราชันมังกร จบที่อันดับ 4 ของตาราง และเป็นอันดับที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร จนถึงปัจจุบัน
จอห์น บาจโจ (สุโขทัย เอฟซี ฤดูกาล 2559)

จากนักเตะที่กำลังจะหมดกำลังใจเพราะโดนหลายทีมปฏิเสธ จนกลายมาเป็นนักเตะที่สำคัญที่สุดของ “ทัพค้างคาวไฟ” ในปัจจุบัน จนอดีตประธานสโมสร อย่าง สมศักดิ์ เทพสุทิน เคยแซวว่า จะส่งลงสมัคร ส.ส. มาแล้ว
ปีดังกล่าว “สุโขทัยเอฟซี” ทำผลงานได้อย่างร้อนแรงในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล นอกจากเกมรับที่พวกเขาทำได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว เกมรุกริมเส้นของพวกเขากลายเป็นสัญลักษณ์ที่ทั้งลีกต้องครั่นคร้าม
เจ้าของความสูง 158 ซ.ม. ป่วนกองหลังระดับไทยลีกหลายต่อหลายทีมจนลิ้นห้อย ทั้งความเร็ว แข็งแกร่ง และทักษาะการเลี้ยงบอลที่หาตัวจับยาก ทำให้ชื่อของ “จอห์น บาจโจ” โดดเด่นขึ่นมาอย่างรวดเร็ว
โดยฤดูกาลดังกล่าว เจ้าตัวผนึกกำลังกับ “เรนัน มาร์เกซ” กองหน้าบราซิลเลียน โดยเรนัน ทำไป 15 ประตูในไทยลีก ขณะที่ บาจโจ้ คว้า รางวัลท็อป แอสซิสต์ที่ 13 ประตู ส่งผลให้ “ทัพค้างคาวไฟ” จบอันดับ 7 และยังพาทีมกรุยทางไปถึงรอบรองชนะเลิศ ช้าง เอฟเอ คัพ จนจับฉลากได้สิทธิไปลุยบอลถ้วยเอเชียอีกด้วย
ที่เด็ดกว่านั้นคือ นับแต่ฤดูกาล 2559 จนถึงปัจจุบัน บาจโจ สถาปนาตัวเองเป็นขวัญใจเบอร์ 1 ของสาวกค้างคาวไฟ พร้อมเป็นกำลังสำคัญพาทีมอยู่รอดบนลีกสูงสุด จนถึงปัจจุบัน
แม้จะเจียนไปเจียนอยู่ อยู่หลายครั้งก็ตามที
ดราแกน บอสโควิช (ทรู แบ็งค็อก ยูไนเต็ด 2560)

แม้อันดับ 2 ในฤดูกาลดังกล่าวของ “แข้งเทพ” จากมันสมองของ “มาโน โพลกิ้ง” จะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานที่พวกเขาควรจะทำได้อยู่แล้ว
แต่ที่ไม่ปกติคือจำนวนประตูที่ฤดูกาลนั้นพวกเขาไล่ยิงทีมร่วมลีกไปแบบไม่ไว้หน้ารวมทั้งสิ้น 97 ประตู
โดยผู้เล่นที่โดนเด่นที่สุดในฤดูกาลนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ดราแกน บอสโควิช ศูนย์หน้ามอนเตเนโกร
หลังฤดูกาลก่อนหน้าเจ้าตัวทำไป 20 ประตูในลีก ก่อนที่ปีดังกล่าวเขาจะจัดการสอยตะข่ายไปทั้งสิ้น 38 ประตู ขึ้นแท่นผู้ทำประตูสูงสุดต่อหนึ่งฤดูกาล 6 แฮตทริกที่เขาทำได้ ทำให้เขาเป็นผู้ทำแฮตทริคมากที่สุดต่อหนึ่งฤดูกาล 5 ประตูในเกมเปิดบ้านพบ พัทยา ยูไนเต็ด ทำให้ “โบเล่” เป็นนักเตะคนแรกที่เหมาห้าประตูในเกมเดียว 3 ประตูในเกมเยือนชลบุรี เป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ไทยลีกที่ทำ เพอร์เฟ็กต์เยอรมันแฮตทริก(เท้าซ้าย-ขวา-ลูกโหม่ง ในครึ่งเวลาเดียว) ได้สำเร็จ
ก่อนจะย้ายมาจอยกับ การท่าเรือ เอฟซี ในฤดูกาลถัดมา ทิ้งไว้เพียงแค่สถิติต่างๆ ที่ยากจะหาคนมาทำลายได้ในเร็ววันนี้ และยังทำให้แฟนบอลติดภาพ “สกอร์สูง” ของ “แข้งเทพ” อีกด้วย
วิคเตอร์ คาร์โดโซ(สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด 2561)

ในฐานะที่เล่นเป็นกองหลังตัวกลาง ผลงานอาจไม่ประจักษ์ชัดออกมาเป็นตัวเลขเหมือนที่บรรดาแนวรุกทำได้ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า หนึ่งในฤดูกาลที่น่าจดจำที่สุดของ “กว่างโซ้งมหาภัย” มีแนวรับบราซิลเลียน เป็นหัวใจหลักในการคุมหลังบ้าน
ผลงานในลีก แม้จะน่าพอใจในระดับหนึ่งเมื่อ อเล็กซานเดอร์ กาม่า สามารถพาทีมจบอันดับ 5 ของตารางได้ ในปีที่ 3 ที่ สิงห์ คอเปอเรชั่น เข้ามาร่วมทุน แต่ที่สำคัญกว่าอันดับในลีกคือ การคว้า “ทริปเปิ้ลแชมป์” (ช้าง เอฟเอคัพ, โตโยต้า ลีกคัพ และ ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ) ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรได้สำเร็จ
พร้อมสถาปนา “กว่างโซ้งมหาภัย” ให้เป็นทีมหัวแถวในไทยลีกอย่างที่ไม่มีใครกล้ามองข้ามอีกต่อไป
สำหรับผลงานในลีกฤดูกาลดังกล่าว พวกเขาเสียประตู ไปเพียง 36 ลูก ครองอันดับ 3 ร่วมกับ ทรูแบงค็อกยูไนเต็ด โดยเป็นรอง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 25 ประตู และ สุพรรณบุรี เอฟซี 35 ประตู นอกความเหนียวแน่นในการเล่นเกมรับแล้ว ภาวะผู้นำ การสอดขึ้นมาทำประตูจากลุกตั้งแตะ และการยิงจุดโทษ ยังเป็นของแถมที่ติดตัว วิคเตอร์ มาด้วย
และแน่นอนว่า ตอนนี้เขาเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดในไทยลีกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โจนาธาน เฮส (พีที ประจวบ เอฟซี 2561)

จากศูนย์หน้าโนเนมของเกษตรศาสตร์ เอฟซี กลายมาเป็นศูนย์หน้าที่เนื้อหอมที่สุดของไทยลีกในฤดูกาลนั้น เมื่อ โจนาธาน เฮส ดาวยิง ข้ามาคนเดียว ของ “ต่อพิฆาต” พีที ประจวบ เอฟซี ใช้ปลายสตั๊ดประกาศชื่อเสียงของตัวเองให้แฟนบอลไทยทั้งแผ่นดินได้รู้จัก
ฤดูกาลแรกที่ “ต่อพิฆาต” ได้ขึ้นมาเล่นบนลีกสูงสุด ในฐานะที่เป็นทีมภูมิภาคที่อยู่ในจังหวัดที่ไม่ใหญ่นักอย่างประจวบคีรีขันธ์ และผู้เล่นที่มีอยู่ในทีมก็หาใช่ซูเปอร์สตาร์ ค่าเหนื่อยมหาศาล ทำให้พวกเขาเป็นทีมแรกที่โดนแฟนบอลกาหัว
อย่างไรเสียฤดูกาลหน้าก็คงต้องร่วงกลับไปเล่นในลีกรองอีกครั้งอย่างแน่นอน แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นบนสนามนั้นเป็นหนังคนละม้วน เมื่อ “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ผู้โดนแฟนบอลค่อนขอดว่า เล่นบอลแบบรถบัส พาทีมหักปากกาเซียน จบอันดับ 6 ของตารางคะแนน พร้อมเปลี่ยน “สามอ่าว สเตเดียม” ให้กลายเป็นนรกทีมเยือน
โดยมีแมตซ์แห่งความทรงจำคือ การเปิดบ้านถลุงเมืองทอง ยูไนเต็ดไป 6-1 จนนำไปสู่การลาออกของ “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน ในที่สุด
โดยฤดูกาลดังกล่าว เฮส จบฤดูกาลโดยการเป็น ดาวซัลโว อันดับ 3 ยิงไป 25 ก่อนจะย้ายไปร่วมทีมสุพรรณบุรี เอฟซี ตามด้วยบีจีปทุม ยูไนเต็ด
แต่จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งแบบปีนั้นได้อีกเลย.
และนี่คือ โฉมหน้า เดอะ แบก แห่งยุคไทยลีกใหม่ เมื่อเปิดลีก2020 ในเดือนกันยายนนี้ เราคาดหวังว่าจะเห็นฟอร์มแจ่มๆ กลับมาเฉิดฉาย อีกครั้ง.
________
By ใบไม้ห้าแฉก
ติดตามช่องทางข่าวสาร-เสนอแนะ ติชม และร่วมกิจกรรมสนุกๆ กับเราได้ที่…
Fb : www.facebook.com/dailysoccerthailand
Twitter : dailysoccer2017
IG : dailysoccerthailand
Line : @dailysoccerth
Website : http://dailysoccer.in.th
