• Home
  • News
  • ฤดูกาลที่กลืนไม่เข้า-คายไม่ออกของ “ต่อพิฆาต”

ฤดูกาลที่กลืนไม่เข้า-คายไม่ออกของ “ต่อพิฆาต”

By on August 15, 2019 0 1337 Views

DST.News Report : แม้ในฤดูกาลนี้ ผลงานของ “ต่อพิฆาต” พีที ประจวบ เอฟซี ในลีกจะไม่น่าพิศมัยนัก เมื่อตอนนี้พวกเขารั้งอันดับที่ 13 ของตาราง มีแต้มเหนือกลุ่มตกชั้น 1 แต้ม

มองจากรูปการณ์แล้ว พวกเขาน่าจะต้องดิ้นรนแบบหืดขึ้นคอไปจนถึงช่วงท้ายฤดูกาลแน่นอน

รูปเกมแบบนี้ สวนทางกับความหวังต้นฤดูกาล ที่จะจบ “ท็อป 5” ให้ได้

ต้นฤดูกาล พวกเขหนึ่งในทีมภูธร ที่ผลงานน่าจับตาที่สุด สามารถเกาะกลุ่มหัว-กลางตารางไว้ได้เหนียวแน่น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการทำผลงานยอดเยี่ยม แนวรุกต่างชาติ ทั้ง “แฮร์ริสัน ไคออน” และ “มัทเธอุส อัลเวส”

แต่ทำไม… ผลงานถึงสวนทางกันแบบนั้น เรามีคำตอบ

ท้ายเลกแรก “อัลเวส” ดวงแตก เจ็บยาวจนโดนยกเลิกสัญญา ปัญหาดังกล่าวส่งผลไปถึงคู่ขา อย่าง “แฮร์ริสัน” ที่เริ่มโดนทีมอื่นจับทางได้ สุดท้ายก็ไม่ได้ไปต่อทั้งคู่ โดย “อัลเวส” โดนยกเลิกสัญญา ส่วน “แฮร์ริสัน”ต้องย้ายไปอยู่กับ ชลบุรี เอฟซี

ทำให้ทีม ต้องเปลี่ยนแปลงแนวรุกโควตาต่างชาติ เป็น “เมารินโญ่” แนวรุกบราซิลเลี่ยน และ “ฌอง ฟิลลิป เมนดี้” กองหน้าตัวเป้าชาวฝรั่งเศส

ขอบคุณ สโมสรพีที ประจวบ เอฟซี

ซึ่งเป็นเรื่องที่หาได้ยากอย่างยิ่งที่ การเปลี่ยนแปลงกลางฤดูกาล จะนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า

ยกเว้นเสียว่า “ไอ้ที่มีอยู่” มันไม่ไหวแล้วจริงๆ และผลงานในช่วงเปิดเลก 2 ก็บ่งบอกแล้วว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ พวกเขาไม่ใช่ทีมโชคดี ที่การเปลี่ยนแปลงระหว่างกลางฤดูกาลจะได้ผล

จากอันดับ 8 กลางตารางพอดีเป๊ะ รูดมาอยู่อันดับ 13 ของตาราง ผลงาน 10 นัดหลังสุดนับเฉพาะในลีก พวกเขา ชนะเพียง 1 เกม เสมอ 4 และแพ้ไปถึง 5

ปัญหาคือ จูนไม่ติด ทำตามแท็คติคไม่ได้

ปัญหาของพวกเขาคือแนวรุกไม่สามารถปิดจ็อบได้นั่นเอง ตามแท็คติคที่พวกเขาใช้มาโดยตลอดแล้ว พวกเขาจะอาศัยเกมรับที่เหนียวแน่น ก่อนอาศัยความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่นแนวรุกเล่นเกมสวนกลับ

แต่เมื่อกองหน้าปืนฝืด สูตรที่ใช้จึงกดไม่ติดไปโดยปริยาย แต่ไม่ว่าผลงานของพวกเขาจะเป็นอย่างไรก็ตามที่ บอร์ด บริหาร ของทีมยืนยันแล้วว่า อย่างไรเสียก็จะไม่ปลด “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ออกจากตำแหน่งอย่างแน่นอนหากยังไม่จบฤดูกาลนี้

ขอบคุณ สโมสรพีที ประจวบ เอฟซี

นับแต่ “โค้ชวัง” เข้ามาคุม “ต่อพิฆาต” เขาสามารถจารึกประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับทีมได้แบบปีต่อปี ไล่ตั้งแต่การพาทีมขึ้นมาโชว์ตัวบนลีกสูงสุดได้เป็นปีแรกในปี 2560

ปีต่อมาจะสร้างเรื่องให้คนจดจำอย่างต่อเนื่อง เมื่อพวกเขาพาทีมจบอันดับ 6 โดยมีแมตซ์ในความทรงจำคือ เปิดบ้านยำใหญ่ “กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด 6-1 ทำเอา “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน ต้องแสดงสปิริต ออกจากตำแหน่ง

เช่นเดียวกับการระเบิดฟอร์มขึ้นมาของ “โจนาธาน เฮส” อีกหนึ่งกองหน้าวันแมนโชว์ที่ตอนนี้กำลังไปได้ดีกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

และในปีนี้ แม้ผลงานในลีกจะไม่เป็นใจ โค้ชวัง สามารถทำผลงานทดแทนได้ จากรายการบอลถ้วย “โตโยต้า ลีกคัพ2019” ที่สามารถพาทีมเข้าไปชิงดำ กับ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้สำเร็จ

ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรอีกครั้ง หลังพวกเขาหักด่าน ทีมเต็งอย่าง “กว่างโซ้งมหาภัย” สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ได้สำเร็จ แต่จะไม่ถึงฝั่งฝันหรือไม่นั้น คงจะได้รู้กันในวันที่ 28 ก.ย. นี้

ร้อยทั้งร้อย เชื่อว่าแฟนบอลคงอยากได้ถ้วยลีกคัพ สมัยแรกของประวัติศาสตร์ พร้อมขอให้ทีมไม่ต้องตกชั้น หรือไม่ต้องได้ก็ได้แต่ขอสู้ให้สมศักดิ์ศรี แล้วทีมไม่ต้องตกชั้น

แต่น่าคิดเหมือนกันว่า หาก “โค้ชวัง” ทำทีมได้แชมป์ลีกคัพ สมัยแรกจริง แต่ทีมต้องตกชั้น อนาคตของเจ้าตัวจะเป็นอย่างไร แต่หากเกิดกรณีแบบที่แลวร้ายที่สุด คือ ทีมดันตกชั้น แล้ว บอลถ้วยก็ไม่ได้แชมป์อีก แฟนบอล “ต่อพิฆาต” จะมีอาการเป็นอย่างไร

แต่ในส่วน “โค้ชวัง” นั้น ถือว่าตลอดช่วงแวลาที่เขาคุม “ต่อพิฆาต” ตลอดมาถือว่าได้สร้างผลงานที่น่าจดจำให้กับสโมสรแห่งนี้ไว้แล้ว แต่เสียงสรรเสิรญเมื่อจบฤดูกาลจะดังกระฮึ่มสมกับวีรกรรมที่เคยทำมาหรือไม่

การ “รอดหรือร่วง” จากไทยลีก 1 จะเป็นคำตอบให้แฟนบอลได้ดีที่สุด”

__________

By ใบไม้ห้าแฉก

  News
Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *