รับแน่น – แผนเฉียบ ‘เกร็กคู สายไหม ยูไนเต็ด’

DST.Special Report : การที่ “แข้งเทพจิ๋ว” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด บี กับ “กิเลนจูเนียร์” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด บี ทะลึ่งทำผลงานได้ดี

ยึดตำแหน่ง “จ่าฝูง” และ “รองจ่าฝูง” ทำให้สังเวียนแข้งไทยลีก 4 โซนเมืองหลวงและปริมณฑล ถูกไฮไลต์ไปที่อันดับ 3 และ 4 กันมากกว่า

นั่นเป็นเพราะสัมปทานขึ้นไปเตะรอบเพลย์ออฟ หรือแชมเปี้ยนส์ลีก ในโซนนี้อาจให้โควต้ากับแชมป์เอาไว้ แต่สงวน สิทธิ์กับทีมสำรอง หรือทีมชุดบี ของสโมสรต่างๆ เอาไว้เฉกเช่นเดียวกัน

โดยปัจจุบัน “แบงค็อก บี” มี 26 แต้ม ค่อมหัวตารางเอาไว้ ขณะที่ “เมืองทอง บี” ตามมาแบบมีดจ่อคอหอยอยู่ที่ 25 คะแนน รั้งรองจ่าฝูง ซึ่งหากตอนรูดม่านปิดฉากฤดูกาลแบบนี้ ทีมอันดับ 3 และ 4 จะได้สัมปทานไปเล่นรอบเพลย์ออฟแทนทันที

ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบัน อันดับ 3 ถูกจับจองด้วยทีมผลงานดีอย่าง “มหาวิทยาลัยปทุมธานี” ที่โชว์ฟอร์มได้ทะลุปล้อง มี 25 แต้ม เท่ากับ “เมืองทอง บี” แต่ลูกได้ – เสีย เป็นรอง

ส่วนอันดับ 4 ก็ไม่ปล่อยให้หนีห่าง “เดอะ เซนทอร์” เกร็กคู สายไหม ยูไนเต็ด มีอยู่ 22 แต้ม ซึ่งหากมองอันดับอาจดูห่างจากจ่าฝูงและรองจ่าฝูง แต่คะแนนกลับมีช่องว่างมี 4 แต้มเท่านั้น

ทีมที่มีรังเหย้าไม่ห่างกัน ระหว่าง “มหาวิทยาลัยปทุมธานี” และ “เกร็กคู สายไหม ยูไนเต็ด” แห่งซอยเพิ่มสิน 22 จึงเป็น 2 ทีมที่น่ามีโอกาสจะได้ไปหวดลุ้นตั๋วขึ้นไทยลีก 3 มากกว่าใครในตอนนี้

พวกเขาสตาร์ทฤดูกาลนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะ “เดอะ เซนทอร์” ที่ก่อนหน้านี้ใครหลายคนมองว่า เป็นเพียงไม้ประดับประจำลีกที่ยากจะได้ขึ้นไปโงหัวในไทยลีก 3

ทว่า ภายใต้เป้าหมายและการบริหารงานของ “ดร.พัชรรัตน์ รัตนศุทธพบูลย์” ประธานสโมสร “บิ๊กวร” พ.ต.ต.ภูดิท วงษ์นุ่ม รองประธานสโมสร “บิ๊กต้อม” พ.อ.อ.พุฒิธร อภิสฤษฎิ์ รวมถึง “นทีเทพ จามิกรณ์” ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์

ที่พยายามวางรากฐานของทีมอย่างเข้มข้นใน 2-3 ปีหลัง มันทำให้แข้ง “เดอะ เซนทอร์” ดูคึกคัก ราวกับเกร็กคู ออกฤทธิ์

จากฟอร์มที่เคยไม่สม่ำเสมอ “เดอะ เซนทอร์” คงเส้นคงวามากขึ้น เปิดฉากมา 12 นัด พวกเขาสามารถเก็บชัยชนะไปได้ 6 นัด เสมอ 4 และแพ้ไปเพียงแค่ 2 เกม

นี่คือ ทีมที่เล่นได้เกมรับได้เหนียวแน่นที่สุดจากเลกแรก ภายใต้การคิดกลศึกลูกหนังของ “เดอะ เวศน์” เทเวศน์ กมลศิลป์ “เกร็กคู” เพิ่งจะเสียประตูให้คู่แข้งไปแค่ 4 ลูกเท่านั้น

“Ehsan Rajabi” นายทวารโควต้าต่างชาติ และ “กฤษณพล คนซื่อ” นายประตูสัญชาติไทย เหนียวหนึบแบบไว้วางใจได้ เรียกว่า ถ้าไม่ยากจริงก็ยิงลำบาก

บรรดาขุมกำลังหลัก จูนกับหมากกลที่ผู้เป็นโค้ชวางไว้ให้ในแต่ละแมตซ์ได้อย่างยอมเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นอนุชา ทาคะพล, ศิวดล คงศิริ, วัชรินทร์ สมบัติวัฒนกุล, กันตพงศ์ ภู่พันธ์ศรี, ดุสิต มูฮัมหมัด, นิพัฒน์ รวยสันเที้ยะ, อนุชาติ ยศไกร, ราชันย์ กันจินะ, พลพงษ์ พงษ์สุวรรณ, ไวทยา ตั้นซ้าย, Danai, จิรวัฒน์ บุญมาก, ธวัชชัย

ด้านแข้งต่างชาติ ก็ไม่ถือว่า ดึงมาเสียของ ทั้ง “Motta” และ “BASSAM” ทำผลงานได้ดี

ขณะที่ “เตชธร จามิกรณ์” กัปตันทีม ที่ใครหลายคนเคยค่อนแคะฝีมือ วันนี้ในบทบาทของกัปตันทีม เขาพิสูจน์แล้วว่า ไม่ได้มีดีแค่เป็นน้องนางเอกสาวชื่อดัง “แพนเค้ก” เขมมิจ จามิกรณ์

แต่เพราะฝีเท้าในสนามล้วนๆ และมีส่วนสำคัญในการพา “แข้งพลังโด๊ป” มายืนอยู่จุดนี้

นอกจากนี้ แข้งที่กล่าวมาข้างต้น หลายคนมีแววที่จะเติบโตได้ไกลกว่านี้ในอนาคต เฉกเช่นที่ครั้งหนึ่ง “หน่อง คลาสสิก” จิตปัญญา ทิสุด กองกลางชั้นนำของไทยลีก 1 เคยฟักตัวอยู่ที่นี่ ก่อนจะเปรี้ยงปร้างเฉิดฉายในกาลต่อมา

หันมองผู้บริหารของทีมทุกคน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว “ต้องเลื่อนชั้น” ไม่ใช่ “เลื่อน” ไปลุ้นฤดูกาลหน้าเหมือนแต่ก่อน

“เกร็กคู สายไหม ยูไนเต็ด” เดินมาสู่ปีที่ 7 แล้ว เลขกำลังสวย ฟอร์มกำลังจี๊ดจ๊าด ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง หากไม่นับ “แบงค็อก บี” และ “เมืองทอง บี” นี่คือ รองจ่าฝูงในทางนิตินัยกับสิทธิ์เตะแชมเปี้ยนลีกส์

น่าจับตาว่า พลังยาโด๊ปจากเกร็กคูจะคึกไปจนจบฤดูกาลหรือไม่.

เรียบเรียงโดย : วนิลลาสกาย
ขอบคุณภาพ : เพจ เกร็กคู สายไหม ยูไนเต็ด