- Home
- Special Report
- ‘ช้างหนุ่ม’ ตกมันแห่งเมืองสุรินทร์
‘ช้างหนุ่ม’ ตกมันแห่งเมืองสุรินทร์
DST.Special Report : ชื่อทีมของพวกเขา ผสมระหว่างความเป็นไทยกับสากล โดยมีแม่น้ำ 3 สาย อันเป็นหัวใจของคนอีสาน คละเคล้าลงไปประหนึ่งจิตวิญญาณ อันสะท้อนถึงถิ่นฐานที่ตั้ง
“สุรินทร์ ชูก้า โขงชีมูล” ก่อตั้งตั้งแต่ 9 ปีที่แล้วในชื่อเดิม “โขงชีมูล” ก่อนจะควบรวมกับอีกหนึ่งสโมสรของจังหวัดสุรินทร์อย่าง “สุรินทร์ ชูก้า ยูไนเต็ด” ในกาลต่อมา
ปรากฏตัวในนาม “สุรินทร์ ชูก้า โขงชี้มูล” เมื่อปี 2560 ภายใต้สัญลักษณ์อันสะท้อนความเป็น จ.สุรินทร์ นั่นคือ “ช้าง”
เพิ่มความน่าเกรงขาม และแตกต่างจากทีมอื่นๆ ในจังหวัด โดยการสลัก “ไพรทมิฬ” ต่อเติมลงไปกลายเป็น “ช้างไพรมทิฬ” ลงบู๊ศึกไทยลีก 4 โซนอีสาน ปัจจุบัน
ใน จ.สุรินทร์ อาจมีทีมฟุตบอลมากกว่า 1 พวกเขาเหมือน “ช้างหนุ่ม” ในวัยฉกรรจ์ บนโลกฟุตบอล เมื่อโครงสร้างของทีมเน้นผลักดันเยาวชนเป็นหลัก
“สุรินทร์ ชูก้า โขงชีมูล” ก้าวเดินในพงไพรเป็นสเตป โดยไม่ได้เร่งรัดหว่านเม็ดเงินเพื่อแรกกับการได้อยู่บนลีกที่สูงขึ้น
“ช้างไพรทมิฬ” เป็นอีกทีมที่มีแนวทางชัดเจน เรื่องการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ ดาวรุ่งต่ำกว่าวัยบรรพชาถูกดึงขึ้นมาบ่มเพาะและเป็นกำลังหลักในทีมคนแล้วคนเล่า
ฤดูกาล 2018 บนสังเวียนไทยลีก 4 อีสานที่ผ่านมา ในฐานะอันดับ 8 หาได้ใช่ความผิด หากเมื่อมองสรรพกำลังและงบประมาณของตัวเอง
ที่สำคัญ พวกเขาคือ น้องใหม่ในไทยลีก 4 โซนลูกข้าวเหนียว การประคองตัวเองโดยใช้นักเตะวัยรุ่นเป็นแกนหลักจึงน่าเป็นที่พอใจ
หากแต่ว่า มันไม่ใช่การตัดช่องน้อยแต่พอตัว “ช้างไพรทมิฬ” มีเป้าหมายที่ชัดเจนคือ การตีตั๋วขึ้นไปเล่นรอบแชมเปี้ยนส์ลีก เพียงแต่ว่า มันต้องไม่ใช่การก้าวกระโดดและฟุ่มเฟือยจนเกินตัว
“สุรินทร์ ชูก้าฯ” ภายใต้การบริหารจัดการ และบัญชาการกลศึกของ “โค้ชโก้” ฐปกร ดีมาก มีปรัชญาที่เป็นแง่บวก การผลักดันดาวรุ่งขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ แม้จะไม่ได้ผลิดอกออกผลในปีนั้นๆ หากแต่เด็กเหล่านี้จะกลายมาเป็น “กำลังหลัก” ในคราวต่อๆ ไป มิได้เสียของ
อีกจุดที่ “ช้างไพรทมิฬ” ให้ความสำคัญมากกว่าการแสดงออกในเชิงนามธรรมนั่นคือ “ฐานแฟนบอล” ในจ.สุรินทร์ ที่ตระหนักว่า
เป็นองคาพยพที่สำคัญที่สุดในการจะเป็นลมใต้ปีกให้ “ช้างหนุ่ม” เชือกนี้แหวกพงไพรไปได้สูงกว่าเก่า
ซึ่งฤดูกาลนี้ ดูเหมือนพวกเขาจะทำมันได้สำเร็จระดับน่าพอใจ เมื่อยอดผู้ชมในสนามมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ มีปริมาณหนาตากว่าวันที่ “สุรินทร์ ชูก้า โขงชีมูล” ลืมตาดูโลกฟุตบอลในชื่อนี้
ขณะเดียวกัน ทีมๆ นี้มิเคยปิดกั้นอนาคตของเด็กๆ โดยเฉพาะในเรื่องของการร่ำเรียน ทุกคนมีสิทธิ์ขอเลือกทางเดินในชีวิตได้
กรณี “กัปตันเปา” ฤทธิชัย อยู่สบาย ที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่ก่อร่างสร้างช้างเชือกนี้ขึ้นมา ขอไปศึกษาต่อในปริญญาโท และเส้นทางสู่การเป็นเรือจ้างสอนเด็กๆ ในฐานะ “ครู” นั่นคือ สิ่งสะท้อน
ขณะที่ฤดูกาลนี้ ผลงานของพวกเขาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่ประการใด และมีพัฒนาการอย่างยอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับฤดูกาลก่อน
“ช้างไพรทมิฬ” เปิดฤดูกาลได้อย่างดี ไม่ใช่ทีมที่จะเที่ยวไล่แจกแต้ม โดยพาตัวเองไปอยู่ในโซนชั้นบนมาตลอดในเลกแรก
เพียงแต่มันมีช่วงจังหวะเวลาที่ช้างเชือกนี้แผ่วลง ทำให้อันดับของพวกเขาหล่นลงไปอยู่ที่ 6 ต่อจากทีมร่วมมืออย่างสุรินทร์ ซิตี้ ที่พวกเขาเคยชนะมา, ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด, นครราชสีมา ห้วยแถลง, ขอนแก่นมอดินแดน และเมืองเลย ยูไนเต็ด
12 นัด ชนะ 4 เสมอ 5 และแพ้ 3 มี 17 แต้ม ห่างจากโซนลุ้นตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีก 5 แต้ม ไม่ใช่วิกฤติที่จะปิดสวิตซ์ความหวัง เมื่อฤดูกาลนี้เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่หลักกิโลเมตร
ที่สำคัญ “โค้ชโก้” เองก็แสดงความประสงค์ชัดเจนในการที่เสริมขุมกำลังเพื่ออุดรอยรั่วที่ยังสร้างปัญหา โดยยังเน้นพวก “ช้างเผือก” อันเป็นปรัชญาเดิมด้วย
ในช่วงปิดเลก พวกเขามีโปรแกรมให้ข้าวให้น้ำ “ช้างไพร” เชือกนี้ขนานใหญ่ ในจุดที่ต้องแก้ไขก่อนจะมาเริ่มต้นกันใหม่ในเลกสองปลายเดือนมิถุนายน
เป็นอีกหนึ่งทีมจากอีสานใต้ ที่น่าติดตามชมไม่แพ้ทีมอื่นๆ.
เรียบเรียงโดย : วนิลลาสกาย
ขอบคุณภาพ : Surin Sugar Khongcheemool FC