• Home
  • Exclusive
  • จากเด็กแว้นท์ สู่ “เจ้าชายอุดร” ปีกลมกรดสนามหญ้า “ทีมยักษ์แสด”

จากเด็กแว้นท์ สู่ “เจ้าชายอุดร” ปีกลมกรดสนามหญ้า “ทีมยักษ์แสด”

By on May 20, 2019 0 3657 Views

DST.Exclusive : ผลงาน “ยักษ์แสด” อุดรธานี เอฟซี กำลังไปได้สวย หลังพ้น 13 เกม ของปีนี้ ทำผลงานรั้งโซนกลางตาราง และเป็นไปตามเป้าหมายที่ “บิ๊กก้อ – วัชระพล ขาวขำ ประธานสโมสรฯ” ตั้งเอาไว้

แน่นอนความสำเร็จที่เกิดขี้น มีสูตรสำเร็จไม่กี่อย่าง คือ “แฟนบอล – ทีมบริหาร – โค้ช และ นักเตะ”

กับการวางแผนงานของ “ยักษ์แสด” ที่เน้นใช้ “หัวหอกดาวรุ่ง” บุกทะลวงฟันทุกแมชต์แข่งขัน

มีคนหนึ่งที่ถูกจับตา และ แฟนบอลให้ฉายาเขาไว้ว่า “เจ้าชายยักษ์แสด” หรือ “เมสซี่เกมส์” เจษฎา บาทชารี ปีกเจ้าลมกรด ที่ต้นฤดูกาลเขาซัดไปแล้ว 2 ประตูให้กับทีม

ปีกวัย 21 ปีของยักษ์แสด กับการได้รับเสียงชื่นชม และถูกฝากความหวัง เชื่อหรือไม่ ว่า “เจ้าเกมส์” เขาไม่ได้ตั้งใจมาตั้งแต่เด็ก ที่จะจบความฝันและเส้นทางชีวิตอยู่ที่ฟุตบอล

เพราะก่อนหน้านั้น “เจ้าเกมส์” ได้ชื่อว่าเป็น “ขาซิ่ง” ประจำซอย และเคยหนีแม่ ควบมอร์เตอร์ไซค์คู่ใจ ออกไปประลองความเร็วกับเพื่อนบนถนนหลวง ตามสไตล์ “เด็กแว้นท์”

“ผมเป็นคนอุดรธานี แต่ไปเรียนอยู่กรุงเทพฯ ตอนนั้นผมไม่เคยคิดจะเล่นฟุตบอลหรือยึดเป็นอาชีพ เพราะเคยไปลองเล่นบอลสนามเล็ก หรือ ฟุตซอลของโรงเรียน แต่ตอนนั้นทำไปเพราะความสนุก ได้อยู่กับเพื่อนๆ จนกลับมาอยู่อุดรธานี ผมยังไม่เข้าวงการฟุตบอล แต่ลองเอารถมอร์เตอร์ไซค์ไปซิ่งกับเพื่อน จนเกือบเกิดอุบัติเหตุ ที่ผมคิดว่า คงเอาชีวิตไม่รอด”

กับจุดเปลี่ยนของเส้นทางชีวิต ไม่ใช่อยู่ที่กลัวตาย แต่คือ การได้รับโอกาส ผลพวงเพราะติดเพื่อนจนเกินไป

“ช่วงที่ผมเรียนอยู่ ม.5 ได้ชื่อว่าเป็นเด็กเรียนดีมาก ติดอันดับท็อปของห้องมาตลอด จนมาวันหนึ่ง เพื่อนสนิทของผมชวนไปคัดตัวเข้าสโมสรฟุตบอล ซึ่งอุดรธานีเอฟซี ทีมระดับดิวิชั่นสอง ต้องการนักเตะเข้าทีม ผมกระโดดรั้วโรงเรียน คือ หนีเรียนไปคัดตัวเป็นนักเตะกับเพื่อน ทั้งที่ขออนุญาตครู ครูก็อาจจะให้ไปก็ได้ แต่ด้วยสไตล์ผมเป็นแบบนี้ ปีนกำแพง โดดรั้วไปง่ายกว่า” เจ้าเกมส์ เล่านาทีที่ตัดสินใจไปคัดตัว

กับจังหวะที่เจ้าเกมส์ ตามเพื่อนไปคัดตัว ช่วงนั้น “น้าฉ่วย” สมชาย ช่วยบุญชุม เป็นโค้ชให้กับอุดรธานี ในวัยเด็กที่บ้าระห่ำ เพียง 17ปี เป็นสิ่งที่ “น้าฉ่วย” เลือก “เจ้าเกมส์” ไว้ใช้งาน

กับตำแหน่งที่ “เจ้าเกมส์” ได้ คือ ตำแหน่งปีก เพราะด้วยคุณสมบัติตัวเล็ก วิ่งเร็ว เอาตัวรอดริมเส้นได้

แม้คุณสมบัติจะเหมาะกับตำแหน่งที่ถูกจับวาง แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะสวยงาม เพราะ “เจ้าเกมส์” ฐานะนักเตะใหม่ แม้จะได้เล่นและซ้อมกับ “ทีมชุดใหญ่” แต่ยังไม่เคยได้เบียดเป็น 11 ตัวจริง

แถมตัวสำรองยังไม่เคยมีในปีแรก ทำให้เขารู้ซึ้งถึงคำว่า “นักบอลไร้พรสวรรค์” แม้มีชื่อเป็นนักฟุตบอล แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ การได้รับโอกาส

นับตั้งแต่นั้น เขาสำนึกตัว ว่า พรสวรรค์แม้ไม่มีแต่กำเนิด แต่ความขยันและแสวงหา คือ คำตอบที่จะพาเขาไปสู่เป้าหมาย

“ผมเป็นนักเตะ ไร้โปรไฟล์ ต้องซ้อมหนักกว่าคนอื่น ปีแรกที่ได้เล่น ทั้งปี ได้ลงแค่สองนัด แต่ผมภูมิใจนะ นาทีที่ถูกส่งไปเล่น สามารถทำประตูให้ทีมได้ แม้ผลงานที่ผมทำ จะช่วยทีมได้ช้าไป เพราะหมดโอกาสเลื่อนชั่นแล้ว”  

กับปีที่สองของอาชีพค้าแข้ง ยุคนั้น “ยักษ์แสด” ตั้งเป้าจะเลื่อนชั้น ทำให้ทีมปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่นมาก โดยเฉพาะใช้งานผู้เล่นมากประสบการณ์ 

ทำให้ “เจ้าเกมส์” ที่ทำผลงานได้ดี ในช่วงท้ายของปีแรก แต่ด้วยวัย 19 ปี และประสบการณ์ยังน้อย จึงต้องกลับไปนั่งข้างสนาม เพราะตำแหน่งของเขา ทีมใช้ผู้เล่นต่างชาติเป็นหลัก แต่หากเกมไหนที่โอกาสเหมาะ เขาจะถูกส่งไปช่วงสิบนาทีท้ายเกม 

“แค่สิบนาทีของผม มีความหมายมากครัว เพราะคือช่วงที่ผมจะได้โอกาสพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็น  ผมอยากวิ่งให้ทุกคนได้เห็น โดยเฉพาะแฟนบอลอุดรธานี เพราะผมเกิดที่อุดร ดังนั้นอุดรธานีคือทีมบ้านเกิดของผม และสิ่งที่ผมจะทำเพื่อตอบแทนบ้านเกิดและคนอุดรได้ คือ เล่นให้เต็มที่ แม้โอกาสที่ได้ลงสนามจะมีไม่มากก็ตาม” 

กับปีนี้ คือ ก้าวของปีที่ 3ของ “เจ้าเกมส์” แม้ปลายปีนี้เขาจะหมดสัญญากับทีมต้นสังกัด แต่สิ่งที่เขายังไม่หยุดพยายาม คือ พิสูจน์ทีเด็ดของเขาให้ทุกคนได้เห็น และพา “ยักษ์แสด” ไต่อันดับขึ้นไปให้สูงที่สุด 

ขอบคุณ ภาพจากยักษ์แสด พลัดถิ่น

แต่เกมฟุตบอล อาจจะไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เมื่อถูกนับว่า เป็น “นักบอลเด็ก” แน่นอนว่าขาใหญ่ ย่อมรู้ทางสะกัด ทั้งเกมตุกติกในสนามและใช้จิตวิทยาทำลายสมาธิ

“ผมเคยโดนอัดแรงๆ ครับ ตอนปะทะกับนักเตะรุ่นใหญ่ ตอนแรกผมก็กลัว ไม่กล้าเล่น แต่ด้วยความคิดว่าเมื่อเรามาอยู่จุดนี้ ไม่มีคำว่าเป็นเด็กในสนาม  ทุกคนคือนักกีฬา ที่มีหน้าที่ต้องทำ และพาความสำเร็จให้กับทีม แม้โดนเตะ โดนอัด จนต้องเจ็บตัวและพักยาวหลายเดือน แต่พอกลับมาได้ ผมคิดว่าการเล่นแบบแฟร์เพลย์ จะสร้างสีสีนและความสนุกให้ก้บแฟนบอลได้มากกว่า” 

กับความพยายามจาก “เด็กแว้นท์” ที่ไม่ประสาเรื่องฟุตบอล จนกลายมาเป็น “ขวัญใจคนอุดรฯ” สิ่งที่เขาพยายาม ล้วนมีต้นแบบ โดยเฉพาะนักเตะที่เขายึดเป็นแบบอย่าง คือ “เนย์มาร์ ดา ซิลวา” นักเตะบราซิเลี่ยน ที่ปัจจุบันค้าแข้งในลีกฝรั่งเศส

แม้ตำแหน่งของ “เจ้าเกมส์” จะไม่ใช่กองหน้า แต่วิชาที่เขาศึกษา คือ หลักสูตรที่เขาเอาไปแอบใช้ได้ผล (ในบางครั้ง) 

และแรงผลักดันที่มีคู่แข่งในทีมเป็น “นักเตะต่างชาติ” ทำให้เขามุ่งมั่นอย่างไม่ยอมแพ้ เพื่อทำความฝัน ของการยืนเป็น11ตัวจริง เป็นจริงให้ได้  

 “กับสิ่งที่ผมวางเป้าหมาย แน่นอนอาจจะเพื่อตัวเอง เพราะผมอยากติดทีมชาติ แต่สิ่งที่ผมตั้งใจอีกอย่าง คือ พาทีมอุดรธานีไปสู่ความสำเร็จ กับผลงานปีนี้ ผมค่อนข้างพอใจ และ เชื่อว่าจะทำได้ดียิ่งขึ้น”

ขอบคุณ สโมสรฟุตบอลอุดรธานี เอฟซี
By BlackSugar

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *