- Home
- Special Report
- ในวันพายุฝนกระหน่ำ “สระแก้ว”
ในวันพายุฝนกระหน่ำ “สระแก้ว”
DST.Special Report : หยุดเสาร์ – อาทิตย์ที่ผ่านมา ฝนฟ้าโปรยปรายชุ่มช่ำกันหลายพื้นที่ของประเทศ หลังจากหลายเดือนที่ผ่านมา พระพิรุณอู้งาน ปล่อยให้มิเตอร์ไฟหลายบ้านวิ่งรอบตัวเองวันหนึ่งนับครั้งไม่ได้
อากาศเย็นสบาย ทว่า มันคงไม่ใช่ที่ จ.สระแก้ว
ในวันที่คนอื่นๆ กำลังชุ่มช่ำกับฝนแรกที่กลับมาทำหน้าที่ตามฤดูกาล แต่สำหรับ “นกงูเหล็ก” สระแก้ว เอฟซี อีกหนึ่งทีมภูธรเก่าแก่ มันกลับสะท้านกว่าใคร
หลังจากโดนพลพรรควัยห้าวเป้ง บางกอก เอฟซี บุกมาปู้ยี้ปู้ยำต่อหน้าแฟนบอลตัวเองในสนาม อบจ.สระแก้ว ถึง 7 – 0 ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมาเสมือนว่า ต้องการซ้ำเติม
มันเป็นสกอร์ที่ช็อคพอสมควร เมื่อช่องว่างระหว่าง “บางกอก เอฟซี” และ “สระแก้ว เอฟซี” ไม่ได้อยู่ห่างกันมากนักในตารางคะแนน
ตาข่ายที่พรุนในวันเมฆหมอกปกคลุม ยังส่งให้ “นกงูเหล็ก” ตัวนี้ เป็นทีมที่มีลูกได้ – เสีย ติดลบมากที่สุดในไทยลีก 3 ตอนบน ด้วยตัวเลขละเหี่ยใจ “-10”
จริงๆ ผลงานของ “สระแก้ว เอฟซี” ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น หากจะมองเพียงแค่นัดนี้ ฤดูกาลนี้เตะไป 9 นัด ชนะ 3 เสมอ 1 และแพ้ 5 คาอยู่อันดับที่ 9 ของตารางคะแนน
ขณะที่แต้มของโซนบนๆ ก็ไม่ได้ฉีกหนี จนถึงขั้นฉีดยากระตุ้นเพื่อตามไม่ได้ หากแต่มันไม่ไฉไล ในระดับที่น่าอภิรมย์
ตลอดหลายปีบนเส้นทางลูกหนัง “สระแก้ว เอฟซี” เป็นนกน้อยที่ทำรังแต่พอตัว หากแต่ก็ไม่ได้อยู่ไปวันๆ เพียงแค่มีทีมลงแข่ง นั่นเพราะพวกเขาไม่เคยฝันเกินตัว ไม่เคยโอ้อวดเกินกำลัง แต่จะปัดหมุดในแต่ละครั้งว่า ต้องทำให้ผลงานให้ดีที่สุด
นับแต่ลงเสาเอก นับหนึ่งทีมฟุตบอลจังหวัดของสระแก้วในปี 2553 หรือเมื่อ 9 ปีที่แล้ว แม้จะไม่เคยได้ไปสัมผัสโอโซนบนลีกพระรอง หรือลีกสูงสุด แต่ก็ไม่เคยหยุดที่จะสะบัดปีก
มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย ในจังหวัดอันเป็นแลนด์มาร์คของสินค้าชั้นดีราคาถูก ตั้งแต่ชื่อสโมสร สัญลักษณ์ เรื่อยไปถึงรังเหย้า
จาก “ผีเสื้อไฟ” อันเป็นจุดหมายของนักถ่ายภาพทั่วโลก ที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา พัฒนามาเป็น “โคราชัน” ในวันที่รีโนเวทจาก “ยูไนเต็ด” มาเป็น “ซิตี้” จวบจนมาเป็น “เอฟซี” อย่างในปัจจุบันขณะ
มีการหยิบเอา “นกอ้ายงั่ว” หรือ “นกงู” สัตว์ปีกผู้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หาดูได้ยากในประเทศ แต่ที่ ต.สระขวัญ อ.เมือง สระแก้ว คือ แหล่งเพาะพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในสยาม มาประดับอยู่ในโลโก้ พร้อมกับยกขึ้นเป็นฉายาข่มขวัญคู่แข่ง
จากผืนหญ้าสนามกีฬาอำเภออรัญประเทศ อันเป็นรังเหย้าแห่งแรกในโลกฟุตบอล ขนไปกันสนามกีฬาอำเภอวังน้ำเย็น ก่อนจะเป็นสนามกีฬา อบจ.จังหวัดสระแก้ว ถึงวันนี้
9 ปีบนถนนลีกอาชีพ มีทั้งคืนวันที่ยิ้มสรวล และชวนระทม แต่จนแล้วจนรอด “นกงูเหล็ก” ตัวนี้ ก็ยังสะบัดปีกให้เห็นทุกครั้งที่มองดูรายชื่อทีมลีกภูมิภาค โซนตะวันออก
ย้อนไปเมื่อปี 2556 เคยกระโจนไปถึงอันดับ 3 หรือในปี 2558 ที่ได้ลูกหลานนักการเมืองคนสระแก้วบริหาร ก็ผงาดไปอยู่อันดับถึง 4 ได้ถลาขึ้นไปบินเล่นบนท้องฟ้าไทยลีก 3 เป็นครั้งแรก
เหนือสิ่งอื่นใด ที่น่าปลื้มปริ่มแก่อวัยวะที่หล่อเลี้ยงชีวิต คือ ไม่ว่าวันพายุถล่ม ลมแรง และแดดอก ผู้เล่นหมายเลข 12 ของสระแก้ว เอฟซี ยังคงทำหน้าที่ “ลมใต้ปีก” ให้ “นกงูเหล็ก” ตัวนี้ตลอดเวลา
แม้แต่ในวัน “มามาก” 7 ต่อ 0 ที่แผลยังสด ต้องรดแอลกอฮอล์ช่วยฆ่าเชื้อ ก็ไม่มีใครด่าทอต่อว่า นอกจากกำลังใจที่พรั่งพรู
ฤดูกาลยังอีกไกล ขนาดสาวกยังยืนตากฝนตะโกนเชียร์ขนาบข้าง “สระแก้ว เอฟซี” ก็ไม่มีเหตุให้จ่อมจมกับผลงานที่ไขลานกลับมาแก้ไขไม่ได้
ต้องเป็นดัง “นกงู” ที่แม้ตัวจม แต่ยัง “ชูคอ” อวดความสง่า ไม่ยี่หระต่อสิ่งใด.
เรียบเรียงโดย : วนิลลาสกาย
ขอบคุณภาพ : เพจ Sakaeo Football Club