• Home
  • News
  • “เจ-มุ้ย-อุ้ม”เอฟเฟคต์ สู่อาการสาละวันเตี้ยลงของ“กิเลนผยอง”

“เจ-มุ้ย-อุ้ม”เอฟเฟคต์ สู่อาการสาละวันเตี้ยลงของ“กิเลนผยอง”

By on May 13, 2019 0 2168 Views

DST.News :โคม่า แล้ว สำหรับอาการของ “เมืองทอง ยูไนเต็ด” ที่ตอนนี้นอนแน่นิ่งอยู่ท้ายตาราง ไทยลีก 1 ด้วยผลงานที่ย่ำแย่แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จากมือ  “โค้ชเบ๊” สู่ “ยุน จอง ฮวาน” กุนซือเกาหลีใต้คนแรกในวงการฟุตบอลไทย แต่การเริ่มต้นในฤดูกาลนี้ของพวกเขาเปรียบไป คือการ “ตั้งไข่” ใหม่เกือบทั้งหมดจากการ “โล๊ะยกแผง” ตั้งแต่ผู้รักษาประตู แบ็คซ้าย-ขวา กองหลัง ยันกองหน้า จาก “จาจ้า” ที่ปีที่ผ่านมา ฝากผลงาน 14 ประตูในฐานะกองหน้าตัวหลัก มาเป็น ขวัญใจคนเดิม “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ในวัย 30 ปี หลังกลับมาจาก ผจญภัยในแดนปลาดิบ กับ “ซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิมา” มา 1 ปี

เช่นเดียวกับการปล่อย “คู่แบ็คซ้าย-ขวา” ทั้ง ทริสตอง โด และ พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา ไปให้คู่ปรับร่วมลีกอย่าง ทรู แบ็งค็อก ยูไนเต็ด หรือ “นาโอกิ อาโอยาม่า” ที่เลือกกลับ เจ ลีก โดยได้ “โอ บัน ซ็อค” มาเป็นกองหลังตัวหลักแทน แน่นอนว่า การเสียตัวผู้เล่นหลัก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เป็นการ “เสียสละ” เพื่อความหวังของวงการฟุตบอลบ้านเรา ทั้ง “เจ” “มุ้ย” และ “อุ้ม” แต่ถือว่าปีที่แล้ว ผลงานของพวกเขายัง “ลุ้นขึ้น” ภายใต้มันสมองของ “ราโดวาน เคอร์ซิส” ทั้งการเล่นเกมรุกที่ไม่ชวนเบื่อ ขณะที่ดาวซัลโวของทีม อย่าง “เฮเบอร์ตี้” เอง ยิงไปถึง 26 ประตู ยังทำให้แฟนๆพอมีความหวังอยู่บ้าง

ตำแหน่งที่ขาดหาย นั้นเป็นการ “ดัน” ผู้เล่นดาวรุ่งขึ้นมาแทน บางคนรอดตัว แต่บางคน ยังมีคงเครื่องหมายคำถาม ติดอยู่ ว่า “ดีพอ” กับหนึ่งในสโมสรที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “ยักษ์” ของประเทศหรือไม่ ในแนวรุกนั้นขณะที่ “เจ้ามุ้ย” นั้น แม้จะได้เชิงบอลมาเป็นของตอบแทน แต่ก็ต้องแลกด้วย สปีด และสไตล์การเล่นที่เปลี่ยนไป ด้วยอายุอานามที่มากขึ้น “เจ้ากอล์ฟ” อดิศักดิ์ ไกรษร เอง ก็ยังฟอร์มขึ้นๆลง “อ่องธู” ซูเปอร์สตาร์เมียนมา กลับไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างที่ใครคาดหวัง ด้าน “กัปตันเชือกวิเศษ” อย่าง สารัช อยู่เย็น ที่หลังจากเจ็บหนักกลับมาก็ดุเหมือนว่าจะเป็นคนละคน

หรือจะเป็น เด็กเก่าอย่าง “มาริโอ ยูรอฟสกี้” ที่กลับมาหวังกู้ศรัทธา อีกครั้งในวัย 33 ปี แต่สุดท้าย เจ้าตัวรับบทบาทเป็นเพียง “ตัวสำรอง-สำราญ” เท่านั้น เพราะในบางเกม เจ้าตัวไม่มีแม้ชื่อในสารบบทีมด้วยซ้ำ จะมีก็เพียง “เฮเบอร์ตี้” คนดีคนเดิม ที่พอจะฝากผีฝากไข้ได้บ้าง แต่มีหลายเกมที่เจ้าตัว “แบก” เพื่อนร่วมทีมจนหลังแอ่น ซึ่งบางเกมที่เจ้าตัว โชว์ฟอร์มไม่ออก แนวรุกของเมืองทองฯ ก็เหมือนจะเป็นหมันไปเลย

การผสมผสานระหว่าง นักเตะดาวรุ่ง กับ นักเตะรุ่นเก๋า ดูจะไม่ค่อยราบรื่นนัก เมื่อฝ่ายหนึ่ง มีประสบการณ์ “เขี้ยวลากดิน” แต่เรี่ยวแรงกลับหดหาย ส่วนอีกฝ่ายมีเรี่ยวแรง แต่ยังขาดประสบการณ์ อ่านผ่านๆดูเหมือนว่า ส่วนผสมนี้จะลงตัว แต่นั่นไม่ใช่กับ”เมืองทอง ยูไนเต็ด” ต้องยอมรับว่า หมากของผู้บริหาร ในช่วงต้นฤดูกาล ถือว่า “ผิดพลาด” ไปจากความคาดหวังของแฟนบอลอย่างมาก แม้ในปีนี้ บรรดาแฟนบอล ไม่ได้หวังถึงขั้นลุ้นแชมป์ไทยลีก  แต่การป้วนเปี้ยนอยู่แถวหัวตาราง อันเป็นปกติวิสัย ของ “กิเลนผยอง” ก็ยังไม่สามารถทำ หรือ แม้แต่ฝันถึงได้ ณ ตอนนี้

การออกมาชี้แจงของสโมสร ที่ระบุว่า ขอความร่วมมือ สมาคมฟุตบอล อย่าง เรียกนักเตะในสังกัด “กิเลนผยอง” ติดทีมชาติชุด คิงส์คัพ เพราะเกรงว่าจะทำผลงานทีมชาติตกต่ำ(และกลัวจะล้า จนผลงานไปกันใหญ่) นั้น แสดงให้เห็นว่า “กิเลน” ตัวนี้ กำลังเจอมรสุมลูกใหญ่แบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน

ไม่มีใครรู้ว่า พวกเขาจะกลับฝั่งได้ในเวลา เท่าไร อาจจะ 1 ปี 2 ปี หรือนานกว่านั้น แต่สิ่งที่ทุกทีม หากคุณเชื่อว่า คุณเป็น “ทีมใหญ่” จะต้องมี DNA แห่งควาสำเร็จฝั่งอยู่ในสโมสร เพื่อรอวันกลับมาผงาดอยู่เสมอ แน่นอน ว่า “เมืองทอง ยูไนเต็ด” ก็เข้าข่ายนั้น อยู่ที่ว่า บรรดาผู้สนับสนุนทั้ง ทีมงานของสโมสร และแฟนบอล จะ “อดทนรอ” จนกว่าจะถึง “วันนั้น” ได้หรือไม่

By : ใบไม้ห้าแฉก

  News
Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *