“มาร์โก ซิโมเน่” ชายผู้ชุบชีวิต “ราชันย์มังกร”

DST.Exclusive : ทีมที่น่าจะมีฤดูกาลที่ไม่ปกติที่สุด หากนับรวมทั้งผลงานในสนาม และการเปลี่ยนแปลงต่างๆรอบด้าน หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ “ราชันย์มังกร” ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ทีมอันดับ 13 ของตาราง

ที่มีผลงาน ชนะ 2 เสมอ 0 แพ้ 4 ซึ่งเกมล่าสุดพวกเขาพ่ายให้กับอีกหนึ่งจอมเซอร์ไพรส์ ของฤดูกาล อย่าง “เขี้ยวสมุทร” สมุทรปราการ ซิตี้ ด้วยสกอร์ 2-1

ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล พวกเขาได้ตัว “มานูเอล โรฆ่า” โค้ชเลือดกระทิงดุ ที่ฝ่ายบริหารของ ราชันย์มังกรออกมาบอกว่า พวกเขานิยมใช้โค้ชจากประเทศสเปนเพราะ คุยกันง่าย

เข้าใจอะไรไปในทิศทางเดียวกัน และปีไหนที่ใช้โค้ชสเปน ผลงานมักจะออกมาดี แต่ก็เหมือนฟ้าเล่นตลก เมื่อ “มานูเอล โรฆ่า” คุมทีมเล่นปรีซีซั่นได้เพียง 3 นัดเท่านั้น ก็ขอลาออกจากตำแหน่ง เพราะได้งานโค้ชในทวีปยุโรป

พวกเขาจึงแต่งตั้ง “ฟรานเชสก์ บอส” คนคุ้นเคยที่เคยเป็นทีมงาน ของ “อิวาน ปาลังโก้” มาคุมทัพไปก่อน หลังเปิดเกมนัดจั่วหัวขอฤกาล โดยการขย่มตราดเอฟซี ไปด้วยสกอร์ 3-2 พร้อมแฮตทริคแรกของ “ยานนิค โบลี่” หน้าเป้า ดีกรีเฉียบป้ายแดงของทีม ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังมาถูกทางแล้ว

แต่หากแฟนบอลใส่ใจในรายละเอียดการเล่น โดยไม่เอาผลกาแข่งขันมาเป็นที่ตั้ง จะเห็นได้ว่า “ราชันย์มังกร” กำลังมีปัญหาใหญ่เสียแล้ว

จังหวะการเล่นสุดเนิบช้า การถ่ายบอลออกด้านข้างและพยายามใช้ความสามารถส่วนตัวของผู้เล่นริมเส้นทำลายแนวรับฝ่ายตรงข้าม

กอปรกับแทคติคที่มีลูกเล่นไม่มากพอ ทำให้เกมรุกของพวกเขาโดนจับทางได้อย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าอีก 3 เกมหลังจากนั้น พวกเขาแพ้เรียบวุธ

ก่อนพระเอกขี่ม้าขาวตัวจริงจะมาปรากฎกายเอาในเกมที่ 5 ของฤดูกาล นั่นคือ “มาร์โก ซิโมเน่” โค้ชอิตาเลี่ยน ที่เคยมีประสบการณ์คุม เอเอส โมนาโก มาแล้ว

ในเกมที่พวกเขาสามารถเอาชนะทีมใหญ่ที่กำลังเป๋อย่าง “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 2-0 พร้อม ปิดฉากการทำงานของ “โค้ชเบ๊” กับทีมยักษ์ใหญ่ ไว้ที่ 5 เกมเท่านั้น

รูปแบบการเล่นที่แฟนบอลทั่วไปเห็นถึงความต่าง คือ การชิงความได้เปรียบจากการใช้พื้นที่ครึ่งสนาม การขึ้นเกมจากเซ็นเตอร์

การสับเปลี่ยนผุ้เล่นในการเล่นเกมรุกด้านข้าง ไม่ใช่ให้หน้าเดิม ตะบี้ตะบันเจาะเข้าไปอย่างนั้น การเพรสซิ่งอย่างเป็นระบบ การชิงความได้เปรียบในเกมแดนกลาง

โดยเฉพาะความโดดเด่น ของ “กฤษณนน ศรีสุวรรณ” ที่สยบแดนกลางของ “กิเลนผยอง” ซะอยู่หมัด และที่สำคัญที่สุด คือการเปลี่ยนแทคติคระหว่างเกม ทำให้เกิดความหลากหลายในการเล่น ซึ่งความแตกต่างนี้ “ซิโมเน่” ควรได้รับเครดิตไปเต็มๆ

แม้ว่าเกมที่ 6 ของฤดูกาล พวกเขาจะบุกไปพ่าย เขี้ยวสมุทร 2-1 แต่รูปเกมนั้นไม่ได้เป็นรอง จะบอกว่า เจ้าบ้านโชคดีก็คงจะไม่น่าเกลียดด้วยซ้ำจากเกมในครึ่งแรก

เพราะด้วยฝนกตกทำให้ต้องเล่นบอลยาว ขณะที่ครึ่งหลังนั้น เป็นความผิดพลาดของลูกทีม ซิโมเน่ เอง ที่ไม่สามารถหยุดแนวรุกของ “เขี้ยวสมุทร” และตามจังหวะการเล่นของพวกเขาไม่ทันจนต้องกลับบ้านมือเปล่า

เช่นเดียวกับเกมล่าสุดที่โดน “กว่างโซ้ง มหาภัย” สิงห์ เชียงรายยูไนเต็ด บุกมาตบคาบ้าน แต่ทรงเกมยังคงมีความหวัง หากหลังสงกรานต์ สามารถจูนเครื่องติด

แม้ผลงาน 3 นัดที่ผ่านมา จะไม่สามารถชี้ให้เห็นถึงการขับเคี่ยวอันยาวนานตลอดฤดูกาลได้ และเป้าหมาย ท็อป 5 (ทุกปี) ของ “ราชันย์มังกร” ก็ยังมีความเป็นไปได้อยู่ในทางปฏิบัติ

และคงไม่มีใครสามารถการันตีได้ว่า “มาร์โก ซิโมเน่” คือคำตอบ แต่ด้วยผลงาน 3 นัดทีผ่านมา แฟนๆราชันย์มังกรก็พร้อมที่จะเสี่ยงไปกับ โค้ชคนใหม่ ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เพราะอย่างไรเสีย การเล่นของทีมก็ดูมีทรงขึ้นเยอะหากเทียบกับช่วงต้นฤดูกาล.

ขอบคุณสโมสรราชบุรี มิตรผลเอฟซี

By ใบไม้ห้าแฉก