ไทย – อุรุกวัย : แมตช์ล้ำที่ “ช้างศึก” ไม่มีอะไรจะเสีย
DST.News : อีกไม่กี่ชั่วโมง ทีมชาติไทย จะลงสนามในรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอล 4 เส้า “ไชน่า คัพ 2019” ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยที่คู่แข่งของ “ช้างศึก” คือ อุรุกวัย ทีมอันดับ 7 ของโลก (ขณะที่ทีมชาติไทย อันดับ 115 ของโลก) เปรียบเป็นก้าวเดิน ทีมชาติไทย ยังตามหลัง อุรุกวัย ในโลกลูกหนังอยู่ 3-4 ช่วงตัว
แม้ “อุรุกวัย” จะไร้ซุปตาร์ชื่อดังระดับโลกอย่าง หลุยส์ ซัวเรส (บาร์เซโลนา) หรือ เอดิสัน กาวานี (ปารีส แซงต์ แชร์กแมง) ทว่าทีมชุดเดินทางมาโม่แข้งศึก 4 เส้า ที่เมืองจีนครั้งนี้ ยังมีผ็เล่นชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ดีเอโก โกดิน (แอตเลติโก มาดริด), มาร์ติน กาเซเรส และ โรดริโก เบนตันกูร (ยูเวนตุส) หรือแม้แต่ ลูคัส ตอร์เรรา (อาร์เซนอล)
เหล่านี้คือผู้เล่นที่แฟนบอล และนักเตะไทยต่างรู้จักดี
แม้จะเป็นรองสุดกู่ ทั้งแรงกิ้ง ฝีตีน ชื่อชั้น ประสบการณ์ ทว่าเมื่อฟุตบอลมีให้โม่แข้ง 90 นาที อาจมีอะไรให้เกิดขึ้นเสมอ
หากทีมชาติไทย ยังเล่นด้วยแพสชั่นเหมือนที่ชนะ ทีมชาติจีน แบบ วิ่งสู้ ช่วยกันเล่น ก็มีโอกาสที่จะสร้างเซอร์ไพรส์ได้เช่นกัน
อีกทั้งทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว “ช้างศึก” มีแต่ได้กับได้ทั้งสิ้น เมื่อคู่ต่อสู้ต่างเป็นชาติที่แรงกิ้งล้วนสูงกว่าทีมชาติไทยทั้งสิ้น และหากทำผลงานออกมาดี จะส่งผลต่ออันดับโลกทีมชาติที่จะพุ่งสูงขึ้น
ยังไม่นับรวมถึง “ประสบการณ์” ที่ทีมชาติไทยจะได้จากรายการนี้ไปเต็มๆ
“ผมไม่มีอะไรต้องหนักใจเลย กลับกันทุกคนดีใจมากกว่า ที่ได้เจอ อุรุกวัย เพราะโอกาสได้เล่นกับทีมระดับโลกแบบนี้ ไม่ได้หาง่ายๆ เราจะพยายามทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด” ศิริศักดิ์ ยอดหญ้าไทย เผย
ขณะที่ ออสการ์ ตาบาเรซ กุนซืออุรุกวัย เผยผ่าน Xinhua News สื่อจากแดนมังกรว่า เขาไม่คิดว่าเกมพบกับทีมชาติไทย จะเป็นแมตช์ที่ง่าย แม้ชื่อชั้นจะต่างกัน
“เราได้แข่งกับทีมจากทวีปต่างๆมามากมาย แต่ละชาติก็ต่างกันออกไป สิ่งหนึ่งที่เราทำได้คือ การลงไปในสนาม และทำหน้าให้ดีที่สุดในทุกๆเกมที่ลงเล่น”
“มันไม่ใช่เกมที่ง่าย นักเตะมีเวลาแค่ 90 นาที ในสนาม แต่พวกเขา (ไทย) ใช้เวลาเตรียมทีมนานกว่านั้นมาก เราเคารพทุกเกมการแข่งขันที่ลงเล่น และคู่แข่งของเราทุกทีม และเราจะพยายามทำผลงานให้ดี และเก็บชัยชนะให้ได้เช่นกัน”
อย่างที่เกริ่นไปช่วงแรก เกมนี้ไทย มีแต่ได้กับได้ เพราะเอาเข้าจริง นี่อาจเป็นคู่แข่งที่
แรงกิ้งดีที่สุด ที่ทีมชาติไทยเคยพบมาเลยทีเดียว และไม่รู้ว่าในอนาคตจะต้องรออีกกี่ปี ถึงจะได้โอกาสฟัดกับชาติที่แข็งแกร่งเช่นนี้
อยู่ที่ผู้เล่นในสนาม รวมถึง ตัวโค้ชแล้ว ว่าจะกอบโกย “กำไรลูกหนัง” จากเกมพบ อุรุกวัย ได้มากแค่ไหน.
ขอบคุณ FA Thailand
By YoongNam