ไม่เจ็บละมีเฮ…ปรากฎการณ์ “อู่ เล่ย” ในลาลีกา ทำให้เกิดอะไรบ้าง?
DST.News : ชัยชนะของ“ช้างศึก” เหนือ “ทีมชาติจีน” จากประตูโทนของ“เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธุ์ ช่วยเรียกศรัทธาของบรรดาแฟนบอล ได้เป็นอย่างดี
หลัง เอเชียน คัพ ที่ผ่านมา พวกเขายุติความฝันของเรา ไว้เพียงรอบ 16 ทีมสุดท้ายเท่านั้น
แต่เมื่อจบทัวร์นาเมนต์ “มาเซโล่ ลิปปี้” กุนซือใหญ่ของพวกเขา ตัดสินใจ วางมือ พร้อมส่งไม้ต่อกับศิษย์รักอย่าง “ฟาบิโอ คันนาวาโร่” อดีตกองหลังเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์เมื่อปี 2006
ก่อนจะหันมาเอาดีทางงานโค้ช และคว้าโอกาสใหญ่ได้ที่สุด นัดนี้
จึงถือเป็นนัด “เปิดซิง” ที่เจ้าตัวจะได้ลิ้มรสประสบการณ์กุนซือระดับชาติ เป็นงานแรก ไม่แปลกอะไร ที่เจ้าตัวจะทำการ “ทดลอง” แผนในสู่การปฏิบัติจริงเป็นครั้ง ตั้งแต่ เรื่องแท็คติค การเรียกผู้เล่นป้ายแดงเข้ามาติดทีมชาติเป็นครั้งแรก รวมทั้งการบริหารจัดการ โดยมี “ลิปปี้” เป็นที่ปรึกษาทางไกล เท่านั้น
“ก่อนเกมเมื่อวานผมก็ได้พูดแล้วว่าการคุมทีมในรายการนี้ของผมนั้นมีเวลาน้อยมากในการจะทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน (รวมทีม 5 วัน) ผมเพียงอยากใช้เวทีในรายการนี้ทดสอบผู้เล่นที่เรียกเข้ามาใหม่เท่านั้น” เขาบอกกับผู้สื่อข่าวหลังจบเกม
หลังผลงานไม่เป็นไปตามที่คิด อย่างไรก็ดี อีกหนึ่งสาเหตุที่ ทีมชาติจีนชุดนี้ ต่างไปจากเคย คือ การขาดหายไปของ “หวู่ เล่ย” ปีกฟ้าประทาน ที่ย้ายไปหากินบนเวทียุโรป กับ เอสปันญ่อล ในศึก ลาลีกา ก่อนเจ็บหนัก จนชวดมาร่วมทีม
7 นัด ที่ผ่านไปในฐานะ ตัวสำรอง เจ้าตัวทำผลงานได้ในระดับ “มาสเตอร์พีซ“จาก แอสซิสต์ 1 และ ยิงอีก 1 แม้จะเป็น “ครั้งแรก” บนเวที ลาลีกา
ยิ่งกว่านั้นคือ เป็นการย้ายไปในช่วงครึ่งฤดูกาล ทำให้ไม่มีเวลาปรับตัวกับเพื่อนร่วมทีมใหม่มากนัก แต่เจ้าตัวก็สามารถพิสูจน์ตัวเองได้อย่างรวดเร็ว พร้อมประกาศให้โลกรู้ว่า “ข้าไม่ได้มาเล่นๆ”
จากเกียรติศัพท์เหล่านี้
–“ 2 กุมภาพันธ์” ลงเล่นนัดแรกใน ลาลีกา เกมที่ เอสปันญ่อล เสมอ บียาร์เรอัล 2-2 โดยลงมาเป็นตัวสำรอง ในนาทีที่ 77 แทน “ดีดัค บีญ่า” ทางกราบซ้าย ส่งผลให้เจ้าตัวเป็นนักเตะจีน คนที่สอง ที่ลงเล่นในลีกสูงสุดของ สเปน ถัดจาก “จาง เฉิง ตง” ที่เคยมาโชว์ตัวกับ ราโย บาเยกาโน่ เมื่อปี 2015 เพียง 1 นัดถ้วน
–“9 กุมภาพันธ์” ลงเป็นตัวสำรอง แล้วเรียกจุดโทษ ทำให้ทีมเอาชนะ ราโย่ บาเยกาโน่ ไปด้วยสกอร์ 2-1
–“17 กุมภาพันธ์” เป็นนักเตะจีนคนแรกที่ได้ลงเล่นให้ทีมในลาลีกา โดยการประเดิม “ตัวจริง” ในนัดที่เสมอ บาเลนเซียไป 0-0
–“2 มีนาคม” ทำ 1 ประตูในเกมกับ เรอัล บายาโดลิด กลายเป็นคนจีนคนแรกที่ยิงประตูใน ลาลีกา และเป็นคนที่ 2 ในรอบ 10 ปีถัดจาก เส้า เจีย อี้ อดีตกองกลางทีมชาติจีน ที่ทำประตู บนเวทียุโรปได้ กับ เอเนอร์จี้ ค็อตบุต ใน บุนเดสลีกา เยอรมัน ในปี 2008 ก่อนจะบาดเจ็บ
อย่างไรก็ดี ค่าตัว 1.8 ล้าน ยูโรของเอสปันญ่อล ที่จ่าให้ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี อาจยังบอกไม่ได้ว่าคุ้มหรือไม่ หากนับเฉพาะ ผลงานในสนาม ที่หลายครั้ง นักเตะใหม่ โชว์ฟอร์มได้สุดแจ่มเพียงไม่กี่นัด ก่อนจะหายต๋อมไปยาวๆ รู้อีกทีก็ไปโผล่ลีกอื่นที่เล็กกว่าเสียแล้ว
แต่ถ้านับในเรื่องของการตลาด บอกเลยว่า ดีลนี้ยิ่งกว่า “โคตรคุ้ม” เพราะทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่า “หวู่ เล่ย” ย้ายมาในเวทียุโรป ในฐานะนักเตะเบอร์ 1 ของทีมชาติจีน
ลักษณะเดียวกับ “เมสซี่เจ” ของไทย ไม่ใช่มาเป็นเพียงเด็กฝึกหัด
ขณะที่จีนเองกระแสฟุตบอลกำลังติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งจากผลงานของทีมชาติ ที่ดีวันดีคืน ประกอบกับกระแสความนิยมของฟุตบอลลีกในประเทศที่มีประชากร 1.3 พันล้านคน แห่งนี้
มีรายงานระบุว่านัดที่ “ไอ้นกแก้ว” เอสปันญ่อล ตบ บายาโดลิดไป 3-1 มียอดผู้ชมในจีนผ่านทางออนไลน์กว่า 25 ล้านคน
ขณะที่ 3 นัดก่อนหน้า มีผู้ชมจากแดนมังกรเฉลี่ยนัดละประมาณ 10 ล้านคนที่รับชมผ่านช่องทางออนไลน์
นี่ยังไม่นับถึง กำไรจากของที่ระลึก อย่างเสื้อบอลที่ตอนนี้กลายเป็น เสื้อที่ขายดีที่สุดของสโมสร ไปแล้ว หรือ สินค้าต่างๆของสโมสรเอสปันญ่อล ที่คาดว่าจะได้รับความนิยมจากประเทศที่แฟนบอลมีฐานกำลังซื้อมหาศาลในอนาคตอันใกล้นี้
แม้เราจะสามารถเอาชนะพวกเขามาได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ในภาพรวมของวงการฟุตบอล “ขุนพลแดนมังกร” นั้น ตอนนี้ พวกเขา ก้าวนำหน้าเราไปหลายขุมจริงๆ
By ใบไม้ห้าแฉก