
ชีวิตเรียบง่าย ไม่ต้องเลิศหรู อยู่กับ “ฟุตบอล” ของ “เจ้าตี๋” นพพล ผลอุดม
DST.Exclusive : รูดม่านเปิดฉากกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ ลีกพระรอง ของไทย อย่างศึก เอ็ม-150 แชมเปี้ยนชิพ 2019
หลายทีมเต็งเปิดหัวได้สวยงาม หนึ่งในนั้นคือ “สำเภาผยอง”ไทยยูเนี่ยน สมุทรสาคร เอฟซี ที่เป้าหมายในปีนี้คือการเลื่อนชั้น โดยขุมกำลังนักเตะถือว่าดีทีเดียว
วันนี้ DailySoccerThailand ขอพาทุกท่านไปพบกับ กองกลางจอมเก๋าแห่งเมืองมหาชัย
“เจ้าตี๋”นพพล ผลอุดม กับเส้นทางบนฟลอร์หญ้าที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย

จุดเริ่มต้นการเล่นฟุตบอลของ “เจ้าตี๋” อยู่ที่เมืองหลวงของประเทศ โดยเขาเริ่มเล่นฟุตบอลเป็นจริงเป็นจังตั้งแต่เด็ก และเป็น โรงเรียนสารวิทยา ที่ถ่ายทอดวิชาให้จนเขาเริ่มแข็งแกร่ง ทั้งฟุตบอลและ โต๊ะเล็กอย่างฟุตซอล
ที่เขาทำได้ดีถึงขนาดพาสารวิทยา คว้าแชมป์ควิกฟุตซอล พร้อมกับตำแหน่งดาวซัลโวเลยทีเดียว
“ผมเรียนอยู่ที่ สารวิทยาตั้งแต่ ม.1-ม.5 จากนั้นไปต่อม.6 ที่โรงเรียนปทุมคงคา ตอนนั้นผมได้แชมป์ควิกฟุตซอล แล้วปทุมคงคา อยากได้ไปช่วยเล่นบอลถ้วย ก. เพราะเขาเคยติดตามผลงานผลในการเล่นฟุบอลด้วย ซึ่งในการเล่นฟุตบอลนั้นผมเล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์ แต่ฟุตซอลผมยืนเป็นกองหน้า พอย้ายไปอยู่ปทุมคงคาอาจารย์เลยให้ผมเล่นเป็นกองหน้าดู ซึ่งผมก็ทำได้ดี”

“ผมว่าการเล่นบอลทั้ง 2 ชนิดมันอยู่ที่ความเข้าใจ ฟุตซอลต้องใช้ความเร็ว การเอาตัวรอดในที่แคบๆ ส่วนฟุตบอลจะมีรายละเอียดเยอะกว่า เพราะคนเยอะกว่า สนามใหญ่กว่า แต่ก็ถือว่าดีที่ผมสามารถเอาสกิลฟุตซอลมาปรับใช้กับฟุตบอลได้ ทั้งเรื่องความคล่องตัวและสกิลการเล่นในที่แคบเวลาโดนบีบ”
“เจ้าตี๋” เล่าอีกว่า พอเรียนจบม.6 ผมเข้าไปเรียนที่ม.กรุงเทพ และได้เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพกับ ม.กรุงเทพ เป็นสโมสรแรก ซึ่งตอนนั้น ถือเป็นยุครุ่งเรืองของสโมสรเลยทีเดียว
เพราะได้แชมป์ไทยลีก และได้ไปเตะรายการ เอเอฟซี แชมเปี้ยนลีกด้วย ถือเป็นประสบการณ์อันล้ำค่า
“ช่วงนั้นทีมพีคมากๆครับ มีรุ่นพี่เก่งๆหลายคน ผมเป็นตัวสำรองส่วนใหญ่ มีสลับตัวจริงบ้าง แต่ถือว่ามันยอดเยี่ยมมากที่เราสามารถเรียนรู้ทักษะ มุมมองและแนวคิดของคนที่เก่งๆ มันทำให้เราพัฒนา แต่จากนั้น ทีมเปลี่ยนเป็น แบงค็อก ยูไนเต็ด และมีปัญหากับทีมโค้ช พี่ชาย สมชาย ทรัพย์เพิ่ม เฮ้ดโค้ชเลยออกไปคุมทีม ราชประชา ผมเลยตามไปด้วย”

“จากนั้น พี่ชาย ย้ายไปคุม ทีโอที เอสซี และพาผมและเพื่อนอีกหลายคนไปร่วมทีมด้วย ถือเป็นการกลับมาสร้างชื่อได้อีกครั้ง ซึ่งตอนนั้นผมขยับลงมาเล่นเป็นกองกลาง ทำให้คนจำภาพเราในฐานะมิดฟิลด์ซะมากกว่า”
หลังจากทีโอทีแพแตก “เจ้าตี๋” ก็ย้ายไปไปหลายสังกัด ทั้ง ราชบุรี เอฟซี , ไทยฮอนด้า , ซุเปอร์พาวเวอร์ , แอร์ฟอร์ซ จนมาอยู่กับ สมุทสาคร เอฟซี ในปัจจุบัน
เมื่อถามถึงชีวิตวัยเด็ก มิดฟิลด์จอมเก๋า” เล่าย้อนไปว่า ตอนเด็กๆถือว่าที่บ้านฐานะไม่ดี แม่รับจ้างซักรีด ผมก็ต้องช่วยซักบ้าง
เดินไปรับ-ส่งผ้าบ้าง หรือบางครั้งก็หางานพิเศษอื่นๆทำบ้าง เราฟันฝ่าต่อสู้กันมาเรื่อย คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เกิดมาแล้วมันก็ต้องสู้ พอมีโอกาสได้มาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ อะไรๆมันก็ดีขึ้นเยอะ
“ผมไม่เคยคิดว่าตอนนี้มีฐานะอะไร ขอแค่ทุกคนในครอบครัวมีอยู่มีกินก็พอ ไม่ต้องหรูเว่อร์วัง ต้องไปนั่งกินข้าว ชีวิตผมทุกวันนี้ ส่วนมากว่างๆ ก็อยู่กับลูก นั่งคุยเพื่อนในทีมที่ร้านกาแฟก่อนซ้อม ไม่ได้มีอะไรหรูหรา ง่ายๆว่าเงินที่ใช้แต่ละวันถ้าไม่รวมค่าน้ำมัน ก็อยู่ราวๆ 150 บาท”
ถึงแม้ว่าอายุอานามจะ 34 ปีเข้าไปแล้ว แต่ นพพล เชื่อว่า เขายังมีดีพอที่จะเล่นฟุตบอลอาชีพได้
“ผมไม่ได้มีเคล็ดลับดูแลอะไรเป็นพิเศษ แค่กินให้อิ่ม นอนให้หลับก็พอ ไลฟ์สไตล์นอกสนามมีกันทุกคน แต่จะมากจะน้อยอยู่ที่เราควบคุม ผมถามว่าจบปริญญาตรีเงินเดือนหมื่นห้า กับการเป็นนักฟุตบอลเงินเดือนหลักหมื่นหลักแสน มันต่างกันเยอะมาก ขึ้นอยู่กับเราจะรักษาเส้นทางและร่างกายยังไงให้อยู่กับเรานานที่สุด”

สุดท้าย “เจ้าตี๋” ฝากถึงแฟนบอล สำเภาผยองว่า “ผมมองอนาคตไว้ว่าจะแขวนสตั๊ดกับ สมุทรสาคร เพราะแฟนบอลน่ารัก ผู้บริหารเอาจริงเอาจัง รวมทั้งมีเพื่อนๆน้องๆจากทีโอทีหลายคน ทำให้รู้ใจ ไม่ต้องปรับตัวอะไรมากมาย ซึ่งภาพรวมของทีมบอกได้เลยว่ามีลุ้นเลื่อนชั้น ปีที่แล้วเราอาจจะทำผลงานไม่ดี แต่ปีนี้เราเสริมตัวได้ดีตรงจุด น่าจะลุ้นเลื่อนชั้นได้ยาวๆ”
ขอบคุณ สโมสรฟุตบอลสมุทรสาคร เอฟซี
By Grimjor
