“โค้ชใหม่ทีมชาติ” กับ ความจุกจิกของฟุตบอลไทยโค้ชใหม่ทีมชาติ กับ ความจุกจิกของฟุตบอลไทย

DST.News Report : ขณะที่เอเชียน คัพ เดินทางมาถึงรอบ รองชนะเลิศ จนเพียงเหลือ 4 อรหันต์ ได้แก่ อิหร่าน-ญี่ปุ่น และ การ์ตา-ยูเออี

รู้หรือไม่ว่า ทัวร์นาเมนต์นี้ เป็นหนึ่งในทัวร์นาเมนต์ “กินโค้ช” ของบรรดาทีมที่มีผลงานไม่เป็นไปตามเป้า จนถึงตอนนี้มีทั้งหมดแล้ว 6 ชาติ คือ

ไทย,อินเดีย,ฟิลิปปินส์,ซาอุดิอาระเบีย,อิรัก และ จีน

สำหรับ ซาอุดิอาระเบีย กับ อิรัก แม้จะเข้ารอบสอง แต่การตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ถือว่า “เสียเหลี่ยม”

หากว่ากันตามมาตรฐานแล้ว ทั้ง 2 ทีมนี้ ต้องมีทะลุรอบ 8 ทีม

ขณะที่ อินเดีย กับ ฟิลลิปินส์ นั้น ผลงานไม่เข้าเป้า เก็บกระเป๋ากลับบ้านก่อนใคร โดยเฉพาะ พลพรรค “อัลกาซ” ที่มี “สเวน โกรัน อิริคสัน” อดีตกุนซือทีมชาติอังกฤษ คุมบังเหียน

แต่ก็ยังไม่สามารถทะลุเข้ารอบ ต่อไปได้

ขณะที่ “มาร์เชโล ลิปปี้” ของจีนนั้น แม้กำลังจะหมดสัญญาภายในเดือน ม.ค. นี้ แต่การหยุดเพียงแค่รอบ 8 ทีม ก็ยังไม่ใช่เป้าหมายของพวกเขา

เพราะ ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ เขามองไปถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายเป็นอย่างน้อย

มาดูที่ “ทัพช้างศึก”   หลัง มิโรวาน ราเยวัช ปิ๋วจากตำแหน่ง ระหว่างทัวร์นาเมนต์ จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ทาง “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย กับดูโอ  “โค้ชโชค” โชคทวี พรหมรัตน์ จะได้โอกาสโชว์ฝีไม้ลายมือแบบยาวๆ หรือไม่

หลัง ประมุขลูกหนังอย่าง “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง จะให้โอกาสคุมทีมในศึกสี่เส้า ที่ประเทศจีน พร้อมประกาศหากุนซือคนใหม่ไปด้วย

ชื่อที่ได้รับการพูดถึงจากแฟนบอลมากที่สุดคือ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

สำหรับกระแสการกลับมาคุมทีมชาติอีกครั้ง รองลงมา คือ อเล็กซานเดอร์ กาม่า ที่กำลังคุมทีมชาติไทยชุด ยู-23 อยู่ตอนนี้

นี่คือ 2 โค้ชที่มีประสบการณ์ในไทยและแฟนบอลมองว่ามีดีพอ จะขึ้นมาคุมทีมชาติต่อไป

หรือถ้า สมาคมฟุตบอลไทย มองตัวเลือกที่เป็นโค้ชต่างชาติ ที่มีโปรไฟล์หรู และพร้อมจะรับงานกับทีมชาติไทย แฟนๆอาจจะต้องร้องเพลงรอกันต่อไป

ที่ผ่านมา หากไม่นับ “ปีเตอร์ วิธ” กับ “วินเฟรด เชเฟอร์” แล้ว ยังไม่มีโค้ชหัวทองคนไหน ทำผลงานเข้าตาแฟนบอลไทยเลยซักคนเดียว

จากหลายๆปัจจัย ทั้งที่แฟนบอลอย่างเรา “รู้” และ “ไม่รู้”

กรณีล่าสุดกับ มิโลวาน ราเยวัช ที่มีกระแสข่าวออกมาว่า หนึ่งในสาเหตุแห่งความชิบหาย  เพราะ “เจ้าตัว” เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโภชนาการ บังคับให้นักเตะทีมชาติที่ “ไม่กินผัก” ต้อง “กินผัก”

ทำให้เกิดการ “กวนน้ำให้ขุ่น” และเป็นการพิสูจน์ว่า ตัว “โค้ช” นั่นแหละ ที่ต้องปรับตัวเข้าหานักเตะ

โจทย์อื่นๆ นอกจาก ความสำเร็จส่วนตัวแล้ว โค้ชที่จะมาคุมทีมชาติไทย ต้องยืดหยุ่นเรื่องแทคติค

เอาเกมรุกเป็นที่ตั้งพื้นฐาน แต่ต้องทำให้ทีมเล่นเกมโต้กลับอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเอาใจแฟนบอล

หากเจอทีมเล็ก เล่นไม่บุกก็โดนด่า และยิ่งโดนหนักกว่า หากไม่บุกแล้วยังจะแพ้ หรือ หากบุกแต่ยิงไม่ขาดก็อาจจะโดนเหน็บให้แสบคัน

เช่นเดียวกับ กำแพงภาษา ที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการถ่ายทอดแทคติค และกระตุ้นลูกทีมข้างสนาม

รวมถึง ระเบียบวินัย และการซื้อใจนักเตะ ที่เป็นปัญหาของโค้ชต่างชาติ

จนถึงขณะนี้ การสรรหาโค้ช โดยให้ส่งผลงานไปที่อีเมลของสมาคมฟุตบอลไทย ยังคงอยู่ระหว่างดำเนินการ แต่หากโค้ชต่างชาติคนไหนคิดจะ “ลองของ” ก็ขอให้ศึกษาปัจจัยยิบย่อยต่างๆให้ดีๆ

เพราะรับรองเลยว่า ที่ “ไทยแลนด์” แห่งนี้ ยังมีประสบการณ์บันเทิงทั้งในและนอกสนามให้ได้เซอร์ไพรส์อีกเพียบแน่นอน

ขอบคุณ FA Thailand

By ใบไม้ห้าแฉก