• Home
  • Exclusive
  • นิวเจน สุโขทัย เอฟซี “บูม-ธนวัฒน์” เพราะกลัวม้านั่งสำรอง จึงไม่ท้อกับทุกอุปสรรค

นิวเจน สุโขทัย เอฟซี “บูม-ธนวัฒน์” เพราะกลัวม้านั่งสำรอง จึงไม่ท้อกับทุกอุปสรรค

By on February 4, 2019 0 5118 Views

DST.Exclusive : เป็นอีก นักเตะรุกกี้ ที่ “อะคาเดมี่สุโขทัย เอฟซี” ใช้เวลาปลุกปั้น เพียง 2 ปี

จากนักเตะรุ่นเด็ก ที่หิ้วรองเท้าสตั๊ดมาคัดตัว เพื่อร่วมรายการแข่งขัน ไทยแลนด์ ยูธลีก รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ได้รางวัลการันตี เป็น ดาวซัลโว 14 ประตู

ขึ้นสู่เส้นทางบอลอาชีพ ไทยลีก4 ของ สุโขทัย เอฟซี ชุดบี และปัจจุบันถูกวางให้เป็น “นิวเจน” ที่ “ทีมชุดใหญ่” อยู่ระหว่างเจียรไนให้เป็น “เพชรเม็ดงาม”

รุกกี้ ที่เราพูดถึง คือ “เจ้าบูม – ธนวัฒน์ เหล็กทอง” เด็กปักษ์ใต้ เมืองนครศรีธรรมราช ที่มาเอาดีด้านฟุตบอลไกล ถึงถิ่น “สุโขทัย”

กับจุดเริ่มต้นบนเส้นทางนักเตะของเจ้าหนูคนนี้ ออกจะแปลกอยู่สักหน่อย เพราะมาด้วย ความไม่รักดี! เกเร จนต้องย้ายตามพี่ชาย ที่มาเรียนด้านครู อยู่ที่สถาบันในจ.สุโขทัย

“ผมตามพี่ชายมาเรียนที่ จ.สุโขทัย ตอน ม.4 เพราะต้องย้ายที่เรียน เนื่องจากเป็นเด็กค่อนข้างเกเร ไม่เข้าเรียน ติด ร. ได้เกรดศูนย์เต็มไปหมด แต่ผมชอบฟุตบอลมาตั้งแต่เล็กๆ นะครับ เห็นพี่ชายเล่น ที่สนาม ผมตามไปทุกที่ ตั้งแต่วัย3ขวบได้ พอพี่ซ้อมบอลเสร็จ เขาจะมาสอนผมให้เดาะบอล แปบอล ยิงประตูบ้าง พอมาเรียนกับพี่ ได้เล่นบอลจริงๆ จังเป็นตัวโรงเรียน แต่ส่วนใหญ่จะเล่นฟุตซอล”

ความอยากเล่น อยากลองในตอนแรกของ “เจ้าบูม” ยังไม่เคยฝันไกลไปถึง ทีมชาติ หรือ ไต่เต้าสู่เส้นทางสายอาชีพ แค่อยากเล่นเพื่อความสนุกเท่านั้น

จนวันหนึ่งที่จุดเปลี่ยนมาถึง เพราะความ “เกเร” ด้านการเรียน ทำให้ ครูฝ่ายปกครอง เรียก “พ่อ-แม่” ให้มาดูความประพฤติสุดจะเหลือทนของลูกชาย

“ผมเห็นน้ำตาแม่ เขาร้องไห้ เพราะการกระทำของผม แม่ร้องไห้บอกกับผมว่า ยังไม่สายที่จะกลับตัว และสิ่งที่เขาอยากเห็นผมที่สุด คือการประสบความสำเร็จทั้งการเรียน และ โลกของฟุตบอลที่ผมรัก”

จากนั้นมา “เจ้าบูม” เปลี่ยนเป็นคนละคน มุ่งมั่นทั้งการเรียน และกีฬา ตนออยู่ ม.4 เขาได้ชื่อว่าเป็นสิงห์นักเตะที่พาสุโขทัยวิทยาคมเข้ารอบระดับประเทศ ในศึกฟุตซอลระดับเยาวชน

และกับโอกาสที่พา “เจ้าบูม” สู่เส้นทางอาชีพ เกิดขึ้นในวันที่เขาจะจบ ม.6 เป็นคราวพร้อมกับการก่อตั้งของ อะคาเดมี่สุโขทัย เอฟซี ที่มี “สมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตประธานสโมสรสุโขทัย เอฟซี” เป็นผู้ริเริ่ม เพราะเห็นความสำคัญของการปั้นดาวยิงของพื้นที่

แต่เชื่อไหม? การคัดเลือกรอบนั้นในรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี เพื่อส่งแข่งขันรายการยูธลีก 2017 เขาไม่มีชื่อผ่านเข้ารอบ ตอนที่สต๊าฟประกาศกลางสนาม

แต่เขากลับได้รับเลือกแบบ ฟลุ๊คๆ หลังจากที่เด็กคัดที่มีชื่อ “สละสิทธิ์”

สำหรับความบังเอิญที่เขาได้รับ เทียบกันไม่ได้ในฝีเท้าที่เขาได้แสดงให้เห็นในรายการแข่งขัน เพราะเขามีรางวัล “ดาวซัลโว” การันตี ผ่านการทำประตูสูงสุด 14 ประตู และได้รับรางวัลดาวซัลโวประจำภาคไปครอง

แม้ผลงาน ยูธลีกปีนั้น สุโขทัย เอฟซี จะยังไม่ดังเปรี้ยงปร้าง แต่สำหรับ “หนูน้อยมหัศจรรย์” ได้รับโอกาสให้ไปลุยต่อ ในลีกอาชีพ

“ผมไม่คิดว่า ตัวเองเก่ง แต่ประเมินตัวเองว่า ขยันมากกว่าคนอื่น เพราะผมมีเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือ ผมไม่อยากนั่งที่เก้าอี้ตัวสำรอง ผมอยากเป็นตัวจริง จึงซ้อมให้หนัก ไม่ท้อ ไม่กลัวทุกอุปสรรค ผมต้องฝ่ามันไป เพื่อได้รับโอกาส อีกอย่างผมเชื่อว่าการได้ฝึกประสบการณ์ในสนามแข่งขัน มันคนละเรื่องกับการได้ทำเพียงแค่ลงเล่นในสนามซ้อม”

แม้ผลงานระดับ “ไทยลีก4” ของ “สุโขทัย เอฟซี ชุดบี” จะไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เพราะทีมเน้นให้เป็น สนามเพิ่มศักยภาพ และสร้างมาตรฐานของ “นักเตะอาชีพ”

ปล่อยให้แข้งอ่อน ได้เจอกระดูกเบอร์ใหญ่ในเกมแข่งขัน “เจ้าบูม” ว่า คือประสบการณ์ที่ทำให้เขาได้เรียนรู้ตัวเอง รู้จักข้อผิดพลาด และนำไปสู่การพัฒนาตัวเอง

กับสิ่งที่เขาพิสูจน์ เป็นเวลา 2 ปีเต็ม ในฤดูกาล 2019 เขาถูกเรียกให้เป็นคู่ซ้อมกับ “ทีมชุดใหญ่” พร้อมได้โอกาส โชว์ฟอร์มในเกมนัดอุ่มเครือ่ง ซึ่งในตำแหน่ง “ปีกซ้าย” เขาทำผลงานได้ดี จนได้รับคำชื่นชม

“ผมยังแค่ได้ขึ้นไปซ้อมกับชุดใหญ่ครับ ส่วนจะได้ร่วมทีมเลยต้องรอประเมินอีกครั้ง ผมตั้งความหวังไว้เหมือนเกันครับ ว่าอยากขึ้นไปเล่นชุดใหญ่ อยากไปไทยลีก แม้จะไม่ได้เล่นฐานะตัวจริง เป็นได้แค่ตัวสำรองก็ตาม”

ส่วนปัญหาสำคัญของเด็กใหม่ที่ต้องเจอทุกครั้ง ก่อนลงสนามใหญ่จริงๆ คือ แรงกดดัน จากแวดล้อมรอบข้าง และ อ่อนประสบการณ์

แต่กับ “เจ้าบูม” เขามองว่านี่คือความท้ายทาย ที่เขาอยากเจอ

“ตอนผมเล่นกับ ที4 ต้องเจอกับทีมใหญ่ ตัวต่างชาติ ยอมรับมีกดดันบ้าง แต่สิ่งที่ทำให้ผมผ่านมันได้ คือ แรงกระตุ้นจากทุกๆ เสียงสนับสนุน ทั้งโค้ช ทั้งเพื่อนร่วมทีมและกองเชียร์ ทำให้ผมมีความมั่นใจมากขึ้นเมื่อลงสนามแข่ง”

กับเวทีชุดใหญ่ก็เช่นกัน “เจ้าบูม” พร้อมแล้วที่จะเจอกับทุกแรงกดดัน

แถมท้ายกันอีกนิด จากที่บอกไปว่า “เจ้าบูม” คือ สุดยอดเด็กเกเร ไม่ยอมเข้าเรียน ล่าสุด เขาเรียนในระดับอุดมศึกษา ชั้นปีที่2 คณะศึกษาศาสตร์ ส่วนผลการเรียนไม่ได้ย่ำแย่ เพราะได้เกรดเฉลี่ย 3 กว่าๆ

“ผมต้องเรียนครับ เพื่ออนาคตของตัวเอง แม้จะเล่นบอลอาชีพด้วย จะเหนื่อยกว่าคนอื่นหน่อย ต้องอดทน เพราะผมอยากให้ครอบครัวภูมิใจในผลการเรียน และที่สำคัญผมอยากให้ครอบครัวภูมิใจตัวผมอีกด้านที่ประสบความสำเร็จเรื่องฟุตบอล และอนาคตผมอยากติดทีมชาติเพื่อเกียรติของครอบครัว”


ขอบคุณ สโมสรสุโขทัย เอฟซี

By BlackSugar

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *