- Home
- Special Report
- ปิดตำนาน “ชลบุรี ขาโหด” ดาวรุ่งยอดเยี่ยม” ไทยลีก2007
ปิดตำนาน “ชลบุรี ขาโหด” ดาวรุ่งยอดเยี่ยม” ไทยลีก2007
DST.Special Report : การเก็บสตั๊ดจาก “ชลบุรี เอฟซี” ที่อยู่มาตั้งแต่วัยกระเตาะ (2546) แล้วไปโม่แข้งให้ “ยักษ์แสด” อุดรธานี เอฟซี ในศึก 150 แชมเปี้ยนส์ชิพ ฤดูกาลหน้า
ทำให้ผู้เล่นชุดแชมป์ “ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก” ฤดูกาล 2550 หรือ 2007 ของ “ฉลามชล” เป็นอันหมดลง
แน่นอนอาจมี “บางคน” ในชุดเดียวกันหลงเหลืออยู่ หากแต่เป็นบทบาทอื่น ซึ่งปัจจุบัน ในฐานะ “ผู้เล่น” ชุดดังกล่าว
“ชลทิตย์ จันทคาม” คือ มรดกชิ้นสุดท้าย
หลังก่อนหน้านี้ “เจ้าเอ็ม” สุทธินันท์ พุกหอม อีกหนึ่งเซนเตอร์แบ็กเก่าแก่ของทีม ย้ายไปอยู่กับทีมบ้านใกล้เรือนเคียงอย่าง “พีทีที ระยอง”
ในวัย 33 ปี “ชลทิตย์” โรยราไปตามกาลเวลา การย้ายไปเล่น “อุดรธานี เอฟซี” ที่อยู่ห่างจากบ้านเกิดอย่าง “มหาสารคาม” ไม่กี่กิโลเมตร
อาจไม่ได้สร้างความประหลาดใจสำหรับบั้นปลายพ่อค้าแข้งที่กรำศึกบนสนามหญ้าสี่เหลี่ยมผืนผ้ามากว่า 10 ปี
แต่สำหรับ “แฟนฉลามชล” พวกเขาย่อมใจหาย เพราะเจ้าของฉายา “ชล ขาโหด” ได้เปรียบเสมือนโลโก้ของ “ชลบุรี เอฟซี” แบบเดียวกับที่ พิภพ อ่อนโม้, เทิดศักดิ์ ใจมั่น, สินทวีชัย หทัยรัตนกุล หรือแม้แต่ อดุล หละโสะ เป็นต้น
เด็กหนุ่มจาก “นาเชือก” วาดเรื่องราวของเขาที่สโมสรอันเป็นต้นแบบของ “ทีมภูธร” เอาไว้มากมายตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี
ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งแบบ “360 องศา” จากศูนย์หน้าตัวเป้า เร้าร้อนมาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาจนขยับมาเล่นทีมชุดใหญ่ “ชลบุรี” วิ่งปรี่ใส่กองหลังคู่แข่งเคียงข้าง “พิภพ อ่อนโม้” จนคว้าแชมป์โปรลีกในปี 2548
“ชลทิตย์” ถูก “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล เปลี่ยนบทบาท ขยับลงมาเล่น “เกมรับ” และทำหน้าที่จาก “รุก” เป็น “รับ” ได้แบบไม่มีปัญหา ก่อนที่ต่อมาจะกลายเป็น “เซนเตอร์แบ็กอาชีพ” แถวหน้า
ใครจะรู้จาก “ศูนย์หน้า” ที่มีหน้าที่ส่องตาข่ายคู่ต่อสู้ วันหนึ่งเมื่อต้องมายืนสกัดกั้นไม่ให้คู่แข่งกระซวกตาข่ายฝั่งตัวเอง กลายเป็นว่า ทำให้คนรู้จัก “ชลทิตย์” มากกว่าเดิม
“ชลทิตย์” เล่นได้อย่างดุดัน และโดดเด่น จนสถาปนาตัวเองเป็น “กองหลัง” ลำดับต้นๆ ของเมืองไทยในยุคนั้น และกลายเป็นตัวเลือกแรกๆ เสมอใน “ทัพช้างศึก” โดยเฉพาะยุค “ปีเตอร์ รีด”
ขณะที่สไตล์การเล่น “ชลทิตย์” เป็นผู้เล่นแผงหลัง “ทรงฮาร์ดคอร์” เข้าบอลหนัก จังหวะ 50-50 ไม่มีผ่อน หรือแหยงที่จะบาดเจ็บ จนขึ้นทำเนียบฯ “กองหลังจอมโหด” เบอร์ต้นๆ ลีกสยามเช่นกัน
และด้วยความที่เป็นศูนย์หน้าเก่า หลายครั้งหลายเกมที่ “ชลทิตย์” เติมขึ้นไปข้างหน้าและมักทำประตูได้ชนิดที่ “คมกริบ”
ทั้งลูกยิงและลูกโหม่ง โดยเฉพาะตอนถูกโยกไปเล่นเป็น “แบ็ก”
เขาผ่านอะไรมามากมายกับ “ฉลามชล” ทั้งยุคที่รุ่งเรืองสุดขีด และยุคที่ค่อยๆ ดรอปลง แต่เกียรติประวัติที่ทำไว้ แน่นอนว่า “ชลทิตย์” คือ “ผู้เล่นระดับตำนาน” ของสโมสร
สำหรับเกียรติยศของปราการหลังจอมโหด เคยคว้าแชมป์โปรลีก ฤดูกาล 2548, แชมป์ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2550, รองแชมป์ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2551, แชมป์ถ้วยพระราชทาน ก. ปี 2551 และ2552
ในส่วนของทีมชาติ “ชลทิตย์” คือ นักเตะชุดแชมป์ซีเกมส์ ปี 2007 ที่ จ.นครราชสีมา, แชมป์ทีแอนด์ที คัพ ปี 2008 และรองแชมป์ซูซูกิ คัพ ปี 2008
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ใช่แค่นักเตะชลบุรีชุดแชมป์ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกปี 2007 คนสุดท้ายเท่านั้น
แต่ในปีที่ “ฉลามชล” ผงาดคว้าถ้วยดังกล่าวมาได้ “ชล ขาโหด” ยังได้รับรางวัลส่วนตัวนั่นคือ “ดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล”
แม้วันนี้ “ชลทิตย์” จะมีอายุอานามที่มากโข และโรยรา แต่เชื่อเถอะการที่ “อุดรธานี” ได้ “ชลทิตย์” ไป พวกเขาจะได้ประโยชน์อย่างมหาศาล
โดยเฉพาะเป้าหมายเลื่อนชั้น ที่ต้องการปราการหลังที่มีประสบการณ์และ “เก๋าเกม” แบบนี้”
เรียบเรียงโดย : วนิลลาสกาย
ขอบคุณภาพ : เพจ ชลบุรี เอฟซี