รู้จัก “มาร์เซโล ลิปปี้” 38 ปี กับ 20 แชมป์ฐานะโค้ช
By DST.News Report :หากไม่ใช่ ทัวร์นาเมนต์ระดับทวีป “ทีมชาติไทย” มีโอกาสเผชิญหน้ากับ “โค้ชระดับโลก” น้อยมาก
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ไม่ค่อยมีทีมชาติใหญ่ๆสนใจที่จะมาอุ่นเครื่องมากนัก หากมองเรื่องประโยชน์ที่ทีมระดับโลกจะได้รับ
เกมเอเชียน คัพ รอบ 16 ทีม สุดท้าย ที่ “ทีมชาติไทย”ต้องพบ “ทีมชาติจีน” เป็นโอกาสที่หาได้ไม่บ่อยนัก เมื่อ ชายผู้คุมบังเหียน “ขุนพลแดนมังกร” มีชื่อ เสียงเรียงนาม ว่า “มาร์เซโล ลิปปี้” หนึ่งในโค้ชที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล
ขรัวเฒ่าวัย 70 ปี โลดแล่นบนวงการโค้ชมาตั้งแต่ปี 1982 โดยเริ่มต้นกับ สโมสร “ซามพ์โดเรียชุดเยาวชน” ก่อนได้โอกาสโชว์กึ๋นในดินแดนรองเท้าบู๊ท กับอีก 10 สโมสร
โดยมีสโมสรใหญ่ที่เคยผ่านมือ เจ้าตัวมาแล้ว อย่าง นาโปลี ยูเวนตุส อินเตอร์ มิลาน
โดยเฉพาะกับ “ม้าลาย” ที่เจ้าตัวกวาดแชมป์มาทั้งหมด 13 ถ้วย เริ่มตั้งแต่ แชมป์ กัลโช่ เซเรียอา ในฤดูกาล 1994-1995 แชมป์โคปา อิตาเลีย ปีเดียวกัน ก่อนอำลาทีม ด้วย แชมป์ เซเรียอา ในฤดูกาล 2002-2003 และแชมป์ ซูเปอร์ โคปา อิตาเลียในปี 2003 นอกจากนี้ยังมีแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกในปี 1995-1996 มาประดับบารมีอีกด้วย
จากนั้น เขาได้โอกาสขึ้นไปคุม “อัซซูรี่” ทีมชาติอิตาลี ในปี 2004 และเป็นผู้พา อิตาลี กลับสู่ฝั่ง หลังออกทะเลไปนาน และสร้างชื่ออย่างที่สุด เมื่อพาแผ่นดินเกิด คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2006 บน ที่ประเทศ เยอรมัน
โดยไฮไลท์อยู่ที่นัดชิงชนะเลิศ ที่มีเหตุการณ์ “โหม่งบรรลือโลก” ของ ซีเนอดีน ซีดาน
ซีเนอดีน ซีดาน,เอ็ดการ์ ดาวิดส์,ฟิลิปโป้ อินซากี้,อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่,โรแบร์โต้ บาจโจ้,ดิดิเยส์ เดส์ชองส์,อันโตนิโอ คอนเต้ และอีกสารพัดรายชื่อโคตรบอล ในยุคที่ กัลโช่ เซเรีย อา ถูกกล่าวขวัญว่า เป็นลีกที่ดีที่สุดในโลก ในช่วงปลายทศวรรษที่ 19 จนถึง ต้นศตวรรษที่ 20 นักเตะเหล่านี้ล้วนเคยผ่านมือ “ลิปปี้” มาแล้วทั้วสิ้น
โดยยังไม่นับรวมกับผุ้เล่นทีมชาติอิตาลี อย่าง อันเดร ปีร์โล่ หรือ ฟรานเชสโก ต็อตติ กับทีมชาติอิตาลี
งานแรกนอกแผ่นดินรองเท้าบู๊ทของเจ้าตัว คือ การคุมบังเหียน กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ ทีมเบอร์ของไชนีส ซูเปอร์ลีก เมื่อปี 2012 โดย 3 ปีที่เจ้าตัวมีโอกาสโชว์ฝีมือ เขากวาดแชมป์ไป 6 แชมป์ หนึ่งในนั้น คือ เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก เมื่อปี 2013 ก่อนได้รับเทียบเชิญให้มาคุมทีมชาติจีนชุดใหญ่ เบ็ดเสร็จแล้ว 36 ปี บนเส้นทางโค้ช เขาคว้าแชมป์มาทั้งหมด 20 แชมป์ กับ 2 สโมสร 1 ทีมชาติ
ขณะที่ “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย มีแชมป์ประดับบารมี 1 ถ้วยถ้วน คือ แชมป์ลีกรอง กับ ไทยฮอนด้า เมื่อปี 2016
รายงานข่าวระบุอีกว่า โค้ชโต่ย ได้รับค่าเหนื่อย อยู่ที่เดือนละ 50,000 บาท เท่ากับปีละ 600,000 บาท หรือประมาณ เกือบๆ 20,000 เหรียญต่อปี
ขณะที่ มาเซโล ลิปปี้ ได้ค่าเหนื่อย จากสมาคมฟุตบอลจีนปีละ 18,000,000 เหรียญ และคงไม่ต้องตีเป็นเงินไทยให้ระคายเคืองลูกตา เอาเป็นว่าทั้ง 2 คนที่จะโคจรมาเจอกัน มีส่วนต่างค่าเหนื่อยถึง 950 เท่า !
แต่เมื่อ บุญพาวาสนาส่งให้ ต้องมาดวลกันแล้ว ไม่ว่าเกียรติประวัติ หรือ ค่าเหนื่อยที่ได้รับนั้น คงไม่ให้คำตอบถึงบทสรุปใดๆได้
เพราะเกมที่แล้วแผนของ โค้ชโต่ย เองก็ยันเสมอกับ ทีมเจ้าบ้าน อย่าง ยูเออี ที่มี “อัลแบร์โต ซัคเคโรนี่” อีกหนึ่งยอดกุนซือมาได้เหมือนกัน
เอาเป็นว่า 3 ทุ่ม วันที่ 20 ม.ค. นี้จะได้รู้กันว่า อดีตกุนซือแชมป์โลก หรือ กุนซือผู้พา ไทยฮอนดา เลื่อนชั้นเมื่อปี 2016 ใครจะอยู่ใครจะไป.
By ใบไม้ห้าแฉก
