ก้าวต่อไปของ “ทัพดาวทอง”-“ราชาแห่งอาเซียน”
DST.News : ไม่ว่าเส้นทาง ของ “ทัพดาวทอง” เวียดนาม จะจบลงอย่างไร ในการแข่งขัน เอเชียน คัพ ครั้งนี้ เชื่อขนมกินได้เลยว่า ผลงาน 2 นัดแรก ต้องมีเสียงแฟนบอลเหงียนโอดโอยอยู่ไม่น้อยอย่างแน่นอน หลัง โดน 2 ทีมแกร่งจากตะวันออกกลาง อย่าง อิรัก และอิหร่าน เก็บชัยเรียบวุธ ด้วยสกอร์ 3-2 และ 2-0 ตามลำดับ
หากจะบอกว่า พวกเขาเล่น “ผิดฟอร์ม” ก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก เพราะคู่แข่ง ทั้ง 2 ทีมของพวกเขามีดีกรี เป็นโคตรทีมในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะ อิหร่าน ที่โชว์ฟอร์มแกร่งสุดๆ นำโดย กองหน้าตัวความหวังอย่าง “ซาร์ดา อัซมูน” ที่เล่นให้กับ “รูบิน คาซาน” ในรัสเซีย
ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ พวกเขาพกความมั่นใจมาเต็ม 2 กระเป๋า จากดีกรี “เจ้าแห่งอาเซียน” ทีมล่าสุด ก่อนมาเหยียบ แผ่นดิน ยูเออี ด้วยการนำของโค้ชอันเป็นที่รักของชาวเหงียนอย่าง “ลุงพาร์ค” หรือ “พาร์ค ฮัง ซอ” ที่ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ได้ยกระดับ เวียดนาม ให้มีความแข็งแกร่ง สามารถสู้กับทีมระดับทวีปได้อย่างสนุก วัดจากผลงาน การพา เวียดนาม u-23 คว้าตำแหน่งรองแชมป์ ในการแข่ง ฟุตบอล ชิงแชมป์ เอเชีย u-23 เมื่อต้นปี 2561 ที่ผ่านมา
ก่อนสานต่อเทพนิยาย โดยการพา “ทัพดาวทอง” คว้าแชมป์ อาเซียน ในบ้านของตัวเอง หลังเข่น “เสือเหลือง” 1-0 คาบ้านตัวเอง ในเกมชี้ชะตานัด 2 หลังเกมแรกบุกไปเสมอ กับมาเลเซียที่ “บูกิต จาริล” 0-0 คว้าแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ ไร้ข้อครหา
ก่อนทัวร์นาเมนต์ เอเชียน คัพ เริ่ม มีกระแสข่าวว่า หัวใจสำคัญในแนวรุกของ พวกเขาอย่าง “เหงียน ควาง ไฮ” ที่บรรดาชาวเวียดนาม ยกย่องให้เขา เป็น “เมสซี่” ของพวกเขา มีกระแสข่าวกับทีมใหญ่ในไทยลีก อย่าง “กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด รวมถึงทีม เรโนฟา ยามางูจิ ทีมจาก J2 ประเทศญี่ปุ่น
แต่สุดท้าย “ชู ดินห์ เหงียม” ประธานสโมสรต้นสังกัดอย่าง ฮานอย เอฟซี ใน วี-ลีก ออกมากลบข่าวลือ แบบ ”โคตรหล่อ” ว่า “มีข้อเสนอทั้งจากทีมไทย และญี่ปุ่น ที่สนใจในตัวของมิดฟิลด์ทีมชาติเวียดนามรายนี้ แต่เราอยากจะบอกว่าข้อเสนอทั้งหมดไม่คู่ควรกับนักเตะในสังกัดของเรา ดังนั้นเราจึงปฏิเสธไปทั้งหมด”
คำสัมภาษณ์ดังกล่าว ทำเอาแฟนบอลบ้านเราไม่น้อย มีอาการ “หัวอุ่น” พอสมควร เพราะรู้สึก เหมือน ลีกบ้านเราโดนดูถูกแบบอ้อมๆ
อย่างไรก็ตาม แม้พวกเขาเข้ารอบ ในฐานะทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุด หลังเข่นเอาชนะ “เยเมน” ทีมบ๊วยของกลุ่มที่ไม่แกร่งนักจากตะวันออกกลาง และปัจจุบันมีปัญหาเรื่องเอกภาพการเมืองในประเทศ แต่รูปเกมก็เป็นไปตามอย่างที่เห็น นั่นคือ “ทัพดาวทอง” ยังไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ แม้ว่าจะสามารถคว้า 3 แต้มสำคัญก็ตามที
อย่างไรก็ดี ทั้งไทย และ เวียดนาม มีโอกาส เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับชาติตัวเองต่อไป ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยเฉพาะเวียดนาม ที่ต้อง เจอ จอร์แดน อีกหนึ่งทีมแกร่งแดนอาหรับ ที่มาตรฐานสูงกว่าทุกทีมในอาเซียน แม้จะไม่ถึงกับเป็นเต้ยของภูมิภาคก็ตามที
ไม่มีใครรู้ว่า บทสรุปสุดท้ายของสองทีมดีที่ดีที่สุดในอาเซียน จะไปจบที่ตรงไหน แต่ที่แน่ๆ ผลงานในทัวร์นาเมนต์นี้ อาจทำให้ประธานสโมสร ฮานอย เอฟซี คิดใหม่ได้ว่า บางทีการปล่อยตัว ดาวเตะวัย 21 ปี ไปค้าแข้งกับลีกที่แกร่งกว่า วี-ลีก นั้น อาจเป็นทางเลือกที่ช่วยขัดเกลาศักยภาพ ของดาวเตะวัย 21 ปี ให้เจิดจรัสกว่าเดิม และเป็นประโยชน์ ต่อทีมชาติของพวกเขาในระยะยาว ไม่ใช่ทำตัวเป็น “กบในกะลา” และติดกับคำว่า “ราชาแห่งอาเซียน” เหมือนกับที่เราเคยเป็นมาเท่านั้น
BY : ใบไม้ห้าแฉก