• Home
  • Special Report
  • My name is “SARABURI UNITED” ล้มได้ ก็ลุกได้ ถ้าใจรัก!

My name is “SARABURI UNITED” ล้มได้ ก็ลุกได้ ถ้าใจรัก!

By on December 11, 2018 0 4673 Views

DST.Special Report :  2 ปีที่แล้ว พวกเขาสร้างความประทับใจ ในฐานะ “นักสู้” ที่กัดฟันบดกับทีมยักษ์ใหญ่ใน “ลีกสูงสุด” จนสามารถหลุดพ้นจาก “การตกชั้น”

ไม่ใช่แค่แฟนบอล “สระบุรี” ที่แซ่ซ้องพวกเขา แต่คอฟุตบอลในประเทศต่างปรบมือให้กับ “ขุนศึก” สระบุรี เอฟซี ที่บากบั่นด้วยงบประมาณอันน้อยนิด

แต่สู้สุดชีวิต ทั้ง “นักบอล” และ “แฟนบอล” ไม่ทอดทิ้งกันจนวินาทีสุดท้าย 

พวกเขาได้ไปต่อ โทษฐานมีแต้มเหนือทีมโซนตกชั้น พวกเขามีความหวังหลัง “อาร์เอส” จะเข้ามาเป็นสปอนเซอร์ เพื่อลุยศึกในปีหน้า แต่ทุกอย่าง “นิ่งสงัด” เมื่อไม่มา “ตามนัด”

“วีรพล อดิเรกสาร” ประธานใหญ่ ตัดสินใจกลืนเลือดประกาศ “พักทีม” เพราะไม่มี “ทุนทรัพย์” ส่งผลให้ “บีอีซี เทโรศาสน” ได้ไปต่อแบบ “ส้มหล่น”

“สระบุรี” กลายเป็น “เมืองร้าง” ในโลกฟุตบอล เพราะไร้ข่าวคราว และไม่มีใครคาดคิดว่า พวกเขาจะกลับมาได้

แต่แล้ว กลายเป็นว่า เราต่างมองข้าม “ความพยายาม” ปลุก “นับรบ” ตนนี้แบบเงียบๆ ในคืนวันที่ไม่มีใครสนใจ 

ใช่!! พวกเขากลับมาแล้ว!

หลังซุ่มซ้อม ฟูมฟัก “สระบุรี เอฟซี” ในเวอร์ชั่นใหม่ ใช้คำว่า “ยูไนเต็ด” มาห้อยท้ายแทนนามจังหวัด

จาก “ขุนศึก” ผนึกรวมกับคำว่า “นักรบ” ให้ “สระบุรี ยูไนเต็ด” ในรุ่งอรุณใหม่ ดุ ดัน และห้าวหาญ

พวกเขา “คืนสู่สามัญ” ชนิดที่สามัญจริงๆ ไม่ใช่ “ไทยลีก 4” แต่เป็นอเมเจอร์ลีก หรือเวทีสมัครเล่นที่ต้องฝ่าด่านหลายชั้น เพื่อคัมแบ็กใน “ลีกอาชีพ”

ภายใต้ชื่อใหม่ และแนวทางการทำทีมใหม่ “สระบุรี ยูไนเต็ด” เน้นใช้งบประมาณอย่าง “มัธยัสถ์” และสนับสนุนบรรดาเลือดเนื้อเชื้อไขภายในจังหวัดจริงๆ

ที่สุด “นักรบขุนศึก” ที่มีใจนำทาง และความรักประคอง สามารถผงาดคว้าแชมป์โซนตะวันตก ตีตั๋วสู่ไทยลีก 4 ในปีหน้าได้สำเร็จ  

พวกเขาฝ่าด่าน ด้วยการชนะดอนตาล 2-0, ชนะสโมสรฟุตบอลยิ่งเจริญ 6-0, ชนะแขวงวิเศษไชยชาญ ยูไนเต็ด 2-1, ชนะอโยธยา ซิตี้ 5-0 และแมตซ์ตัดสินการขึ้นไทยลีก 4 ที่กำชัยเหนือธนบุรี ซิตี้ 3-2 ที่สนามกลีบบัว จ.กาญจนบุรี

ขณะที่ “เสี่ยดำ” ชัยรัชต์ รุ่งอุทัย ผู้จัดการทีมสระบุรี ยูไนเต็ด ใช้ “ใจซื้อใจ” นำนักเตะ 25 คน ที่พาทีมขึ้นสู่ไทยลีก 4  ตะลุยกันต่อในปีหน้า

ส่วนผู้จัดการทีม “นักรบขุนศึก” ได้ “โค้ชเสริฐ” ประเสริฐ ภิญโญ ที่มีดีกรีระดับ “AFC- A License” และเคยคุมทีมระนอง ยูไนเต็ด มาเป็น “ขงเบ้ง” ให้ และยังได้  “โค้ชชาติ” วรชาติ เพชรบำรุง มาเป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอน

เรื่องสนามไม่ใช่ปัญหาของพวกเขา เพราะ สนาม อบจ.สระบุรี เคยผ่านการเป็นสังเวียนเหย้าของลีกสูงสุดในประเทศมาแล้ว ไม่ว่าจะสมัย “โอสถสภา เอ็ม-150 สระบุรี”  หรือ “สระบุรี เอฟซี” เหลือเพียงแค่ปรับปรุงเล็กน้อยเท่านั้น

เรื่องแฟนบอลยิ่งไม่ต้องตระหนักมาก หากใครยังจำบรรยากาศสมัย “สระบุรี เอฟซี” ได้ มันยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่ ราวกับว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้น

ในตอนฟาดฟันอยู่ใน “อเมเจอร์ลีก” กล้าพูดได้ว่า กองเชียร์สระบุรี ยูไนเต็ด ตามไปจนเกือบจะทุกแห่ง หลายนัดมากกว่าสโมสรบนลีกระดับบนเสียอีก

การกลับมาของ “สระบุรี” แม้จะเป็นไทยลีก 4 แต่มันทำให้ทุกอย่างดูกระชุ่มกระชวย

เพราะนี่คือ จังหวัดที่แฟนบอลจงรักภักดีต่อทีมของพวกเขามาก

บรรยากาศการเชียร์ ปริมาณผู้ชม แม้ในวันทีมหล่นลง ก็ไม่เคยหายไปไหน 

ยินดีต้อนรับ “กลับบ้าน” สระบุรี ยูไนเต็ด.


เรียบเรียงโดย : วนิลลา สกาย

ขอบคุณภาพ : เพจ Saraburi United

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *