• Home
  • News
  • เจาะลึก “ฮาจิเมะ โฮโซกาอิ” แข้งป้ายแดงของ “ปราสาทสายฟ้า”

เจาะลึก “ฮาจิเมะ โฮโซกาอิ” แข้งป้ายแดงของ “ปราสาทสายฟ้า”

By on December 8, 2018 0 1855 Views

DST.News Report : การย้ายมาร่วมทีม “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด  ของ “ฮาจิเมะ โฮโซกาอิ” แข้งสารพัดประโยชน์เลือดซามูไร

นับเป็น “ดีลอิมพอร์ตที่ใหญ่ที่สุด” จนถึงขณะนี้ในเวทีไทยลีก หลังนักเตะตัวรับสารพัดประโยชน์ ตัดสินใจมาหาความท้าทายใหม่ จาก “คาชิว่า เรย์โซ” สู่อ้อมอกของแชมป์ไทยลีก

ประสบการณ์การค้าแข้งบนเวทียุโรป กว่า 6 ปี กับ 4 สโมสร บุนเดสลีกาเยอรมัน อย่าง “เลเวอร์คูเซ่น” – “เอาส์บวร์ก” – “แฮร์ธ่า เบอร์ลิน” – “สตุ๊ดการ์ท” กับอีก 1 สโมสร ซูเปอร์ลีก ตุรกี อย่าง “บูซาสปอร์”

ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า หมอนี่ไม่ใช่ “ของปลอมทำเหมือน” แน่นอน

สำหรับเส้นทางการค้าแข้งของเจ้าตัวนั้น เขาเริ่มเป็นที่รู้จักของแฟนบอล เมื่อลงสนามนัดแรกให้กับต้นสังกัด อย่าง “อุราวะ เรด ไดมอนด์” เมื่อปี 2005 หลังโดนดึงตัวมาจาก สโมสรระดับโรงเรียนอย่าง “โรงเรียนมัธยม มาเอบาชิ อิคูเอะ” ที่ตั้งอยู่ในเมือง มาเอบาชิ จังหวัด กุนมะ บ้านเกิดของเจ้าตัว

เขาเริ่มมีบทบาทในทีมมากขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อปี 2008 เขาได้รับโอกาสในการลงเล่น เจลีก ถึง 26 นัด

เช่นเดียวกับ “เอฟเอฟซี แชมเปียนส์ลีก” ก่อนสถาปนาตัวเองเป็นตัวหลักของทีมในด้วยวัยเพียง 21 ปี

โดยหากินกับ ตำแหน่ง มิดฟิลด์ตัวกลาง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

แน่นอนว่าฟอร์มที่เปล่งประกายออกมาจนทำให้ “เดอะ เร้ด” ได้รับการยกย่องว่า เป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในเจลีก

กับประสบการณ์ 146 นัด กับ 7 ประตู ทำให้ฟอร์มการเล่นของเจ้าตัวเข้าไปเตะตาหนึ่งในทีมชั้นนำของบุนเดสลีกา อย่าง “ห้างขายยา” เลเวอร์คูเซ่น

ที่ตอนนั้น มี รูดี้ โฟลเลอร์ ตำนานแข้งอินทรีเล็ก นั่งในตำแหน่งผู้อำนวยการสโมสรในยุคที่ “แข้งซามูไร” เริ่มบุกตลาดเมืองเบียร์ ซึ่งหลายคนทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม อย่าง “ชินจิ คากาวะ” ที่เป็นกำลังสำคัญของ ดอร์ทมุนด์ จนได้เถลิงแชมป์บุนเดสลีกา

หรือ “อัตซึโอะ อูชิดะ” แบ็คขวากำลังหลักที่เป็นส่วนสำคัญในการ พาชาลเก้ 04 ทวงคืนความยิ่งใหญ่

แต่ชีวิตของ “ฮาจิเมะ”  ไม่สวยหรูเหมือนเพื่อนร่วมชาติคนอื่นๆ

เมื่อ “ห้างขายยา” ขณะนั้น มีมิดฟิลด์เชิงรับอย่าง “ลาส์ เบนเดอร์” – “ไซมอน โรลเฟส” เป็นจ้าของสัมปทาน บวกกับการกลับมาของตำนานอย่าง “มิเชล บัลลัค” ทั้งสามคนล้วนมีดีกรีทีมชาติเยอรมันติดอยู่ ทำให้เจ้าตัวไม่มีที่ลง ก่อนจะถูกส่งไปชุบตัว กับ “เอาส์บวร์ก” ในปีเดียวกัน

กับทีมใหม่ เขาได้รับโอกาสในการลงเล่นอย่างต่อเนื่อง จนสามารถเป็นตัวหลักของสโมสร โดยเฉพาะในฤดูกาลที่ 2011-2012 ที่เขาลงเล่นเกมลีกไปถึง 32 นัด

พร้อมยิงประตูแรกในยุโรปได้ ซึ่งเหยือ ของเขาก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็น “เลเวอร์คูเซ่น” ต้นสังกัดจริงของเขานั่นเอง

ในปีนั้นเจ้าตัวทำไป 3 ประตู ซึ่งเป็นจำนวนทั้งหมดที่เขาทำได้ในการค้างแข้งในบนแผ่นดินยุโรปทั้งหมด

ปี 2013 เขากลับมายัง เลเวอร์คูเซ่น อีกครั้ง โดยในปีนั้น เจ้าตัวได้สัมผัสประสบการณ์ในเกมระดับทวีป บนเวที ยูโรปา ลีก ที่ “ห้างขายยา” อยู่ในกลุ่มเดียวกับ เมตาลิสต์ คาร์เคียฟ จาก ยูเครน,โรเซนบอร์ก จาก นอร์เวย์ และ ราปิด เวียนนา จากออสเตรีย

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้ แต่กลับต้องไปชนตออย่าง เบนฟิก้า ทีมรองแชมป์ในบั้นปลายตั้งแต่รอบ 32 ทีม

ทำให้เจ้าตัวมีโอกาสสัมผัสเกมยุโรป เพียงแค่ 4 นัด จากนั้นจึงอพยพไปจอยกับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน 2 ฤดูกาล

ก่อนย้ายไปหากินในตุรกีอย่าง บูร์ซาสปอร์ ในปี 2015 และย้ายกลับมาเล่นกับสตุ๊ดการ์เป็นสโมสรสุดท้ายในยุโรป

ศิริผลงานรวม 149 นัด ทำไป 3 ประตู ก่อนย้ายกลับมาเจลีก กับทีมที่เขาตามเชียร์แต่เด็ก อย่าง คาชิว่า เรย์โซล ในปี 2017

ที่น่าสนใจคือความอเนกประสงค์ในการเล่นโดยเฉพาะตำแหน่งเกมรับ เขาได้รับบทบาทมาหมดแล้ว ตั้งแต่ แบ็คทั้ง 2 ข้าง กองหลังตัวกลาง มิดฟิลด์ตัวรับ และมิดฟิลด์เชื่อมเกม

จุดแข็งของเขาคือ การยืนตำแหน่งในเกมรับที่ชาญฉลาด การจ่ายบอลกับพื้นที่แม่นยำ ความเข้าใจเกม และลูกขยันที่เป็นจุดเด่นของนักเตะจากแดนปลาดิบ

สำหรับประสบการณ์ระดับทีมชาติ เขาติดทีมชาติชุดใหญ่มาแล้ว 30 นัด ทำไป 1 ประตู!!

หลายคนงงว่าหากเก่งจริงทำไมติดทีมชาติเพียงจำนวนเท่านี้ ก็ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าทีมชาติญี่ปุ่นนับตั้งแต่หลังยุค “ฮิเดโตชิ นากาตะ” เป็นต้นมา

พวกเขาไม่ได้แค่ฟุตบอลในทวีปเอเชียอีกต่อไป เขารู้ว่ามีดีพอ ที่จะขยับเป้าหมายไปสู่ยุโรป

โดยมีแข้งแดนปลาดิบมากมายที่ทำตามฝันสำเร็จ ประกอบกับความอเนกประสงค์ของเจ้าตัว ทำให้อาจไม่ได้รับโอกาสมากเท่ากับเพื่อนคนอื่นๆ


ปัจจุบันในวัย 32 ปี กับต้นสังกัดใหม่อย่าง “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เขายังมีดีพอที่จะว์ความสามารถในไทยลีกให้ แฟนบอลได้เชยชม

โดยเฉพาะตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวคุมจังหวะเกม เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่ใช่ร่างกายไม่หนัก เท่าไร

ที่สำคัญกว่าคือ ประสบการณ์บนเวทียุโรปของเขา จะเข้ามาช่วยยกระดับบรรดา นักเตะ และเยาวชน ไทยของต้นสังกัดใหม่

และการแข่งขันไทยลีก พร้อมพาปราสาทสายฟ้า จะลุยถึงด่านที่ลึกที่สุด บนเวที “เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก”


By ใบไม้ห้าแฉก

  News
Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *