
ส.ฟุตบอล ต้องเข้มไลเซ่น! “โค้ชอ๋อ” หวังดันบอลไทยพัฒนา ชี้ “โค้ชไทย” ไม่ด้อย “ต่างชาติ”
DST.News : หลัง “นักรบรวงทอง – อ่างทอง เอฟซี” เป็นทีมที่ต้องตกชั้น จากไทยลีก 2 ไป สู่ ไทยลีก 3 แม้จะเป็นชะตาที่ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ ต้นฤดูกาล 2018 ด้วยผลงานที่ กู่ไม่กลับ
แม้เครื่องของ “ทัพนักเตะ” จะมาร้อน ตอนท้ายฤดูกาล แต่ผลก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะแต้มที่เสียไป ทำให้ “อ่างทอง เอฟซี” เป็นทีมที่ต้องกลับไปเล่นในลีกที่ต่ำกว่า หลังจากที่เพิ่งขึ้นมาไทยลีก 2 เพียงฤดูกาลเดียว
หลังจากเหตุนี้ ทำให้ “ผู้บริหารของอ่างทอง เอฟซี” ที่มี “สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล” ประธานสโมสรฯ ต้องปรับกระบวนทัศน์ เพื่อทำผลงาน ให้ตรง เป้าหมายกำหนดไว้แล้วว่า “จะลงไปไทยลีก 3 ปีเดียว ส่วนฤดูกาล 2020 จะคืนสู่สังเวียน ไทยลีก2ให้จงได้”
ล่าสุดนั้น ทีมผู้บริหารอ่างทอง เอฟซี ตัดสินใจไม่ไปต่อกับ “โค้ชอ๋อ – ไพศาล จันทร์ประเสริฐ” โค้ชผู้รักษาประตู ที่ทำหน้าที่มาแล้ว 1 ปี ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้ “โค้ชอ๋อ” ดีกรี โค้ชประตู Level 1 บอกว่าเคารพในการใช้ดุลยพินิจ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เขาได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะทำให้ต้อง “ว่างงาน” ทั้งที่ความมุ่งมั่น ฐานะ “ครู” มีเต็มเปี่ยม
โดย “โค้ชอ๋อ” เปิดใจกับ DailySoccerThailand ไว้ตอนหนึ่งว่า “ผมเข้าใจว่า เมื่อทีมต้องลงไปเล่นระดับไทยลีก 3 แล้ว ต้องปรับเปลี่ยน ซึ่งตอนนี้ผมไม่ได้รับการต่อสัญญา จงใช้เวลานี้พักผ่อน อยู่ที่บ้าน แต่ผมยังอยากนำความรู้ และประสบการณ์ของผม สอนเด็ก เพื่อให้เขาบรรลุเป้าหมายและประสบความสำเร็จบนเส้นทางที่พวกเขาฝันไว้”
กับความเปลี่ยนแปลงของหลายๆ สโมสรฟุตบอล เหตุผลสำคัญที่ได้ยินผู้บริหารจากหลายทีมพูดกัน คือ ไว้ใจและเลือกใช้ “โค้ชต่างชาติ” แทนที่ “โค้ชคนไทย” เพราะเห็นว่าศักยภาพดูดี และ มีเทคนิคใหม่ เติมเต็มนักเตะของทีมให้บรรลุเป้าหมายตามโจทย์ที่ฝ่ายบริหารต้องการ

โค้ชอ๋อ ไพศาล จันทร์ประเสริฐ สมัยเป็นโค้ชประตูทีมชาติไทยU16
แต่สิ่งที่ “โค้ชอ๋อ” มองผ่านประสบการณ์ทั้งผู้เล่น และ ผู้ฝึกสอน เขามองว่า ศักยภาพของ โค้ชคนไทย ไม่ด้อยไปกว่า “โค้ชต่างชาติ” เพราะเป้าหมายคือ การสอนให้นักเตะในทีมมีความพร้อมและมีศักยภาพที่สามารถลงแข่งขันได้ โดยไม่เกี่ยงว่า จะเป็นเด็กใคร หรือ มาจากไหน ขณะเดียวกัน โค้ชคนไทยเองไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง เพราะเข้าใจว่าวงการฟุตบอลมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุด
“ตอนนี้ผม เป็นโค้ชที่ผ่านการอบรมของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ระดับ เลเวล1 และยังเข้ารับการอบรมต่างๆ เพื่อเพิ่มทักษะใหม่อย่างต่อเนื่อง และในปีหน้าที่จะเปิดหลักสูตรอบรม โค้ชประตู เลเวล2 ผมไม่พลาดแน่นอน เพราะผมมองว่า โค้ชไม่ว่าจะเป็นประเภทไหน ควรให้ความสำคัญกับมาตรฐานวิชาชีพ เพราะมาตรฐานที่ว่านั้น คือการยกระดับกีฬาฟุตบอลไทย ไม่ให้ย่ำอยู่กับที่ อีกอย่างฟุตบอลระดับสากลเติบโตไปเรื่อยๆ หากโค้ชไม่ เติมวิทยาการ แบบฝึก หรือบทเรียนรู้ใหม่ๆ อาจจะไม่ทันหรือรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้”
โค้ชอ่อ ทิ้งท้ายอีกนิดว่า เขาอยากให้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ควรเพิ่มการคุมเข้ม ผู้ฝึกสอนทุกประเภท เรื่องมาตรฐานการฝึกสอน โดยเฉพาะการมีไลเซ่น หรือ ผ่านการอบรมเพื่อความเป็นผู้ฝึกสอน ทั้ง เฮดโค้ช และ โค้ชประตู เพราะอย่างน้อยมาตรฐานที่ผู้ฝึกสอนมี คือ การการันตีการพัฒนาฟุตบอลได้ในอนาคต
สำหรับอนาคตบนเส้นทางสายครู แม้ตอนนี้ “โค้ชอ๋อ” ยังต้องการเป็นผู้ฝึกสอน ในสโมสรอาชีพ แต่หากเมื่อถึงเวลาแล้ว ไม่มีใครตอบรับจริงๆ เขายังอยากเดินบนเส้นทางสายครูต่อไป ซึ่งอาจเป็นทางเดินบนเส้นทาง “ผู้ฝึกสอน” ในอะคาเดมี่ ที่ยังเห็นความสำคัญ ต่อการพัฒนาทักษะแบบมืออาชีพ จากคนมืออาชีพ.
ขอบคุณ สโมสรฟุตบอลอ่างทอง เอฟซี
By BlackSugar