“ศุภณัฐฏ์ เหมือนตา” ความหวังใหม่ ในแดนหน้าของทัพช้างศึก
DST.News : “เด็กคนนี้เก่งกว่า ธีรศิลป์ แดงดา อีก ตอนอายุเท่ากัน”!!!! คำนิยามนี้คงไม่มีน้ำหนัก หากไม่ได้ออกมาจากปากของ “เนติ สูนยะไกร” หัวหน้าผู้ฝึกสอน “ลูกเจี๊ยบสายฟ้า” u-15
ซึ่ง “เนติ” คือ โค้ชมากประสบการณ์ ผู้คร่ำหวอดในวงการฟุตบอลขาสั้น และเคยปลุกปั้นนักฟุตบอลระดับหัวแถวมาประดับวงการมากมาย ทั้ง “ธีราทร บุญมาทัน”,”กวิน ธรรมสัจานันท์” และ “ธีรศิลป์ แดงดา”
แล้วแบบนี้ วลีนี้…..หมายถึงใคร????? สงสัยหรือไม่
หากวลีนี้ ถูกตั้งเป็นคำถาม Daily/soccerThailand ขอพาแฟนๆ ไปพบกับคำตอบ ของ “วลี” นี้ที่หมายถึง “เด็กระเบิด” ของวงการลูกหนังไทยรายล่าสุด
อย่าง “เจ้าแบงค์” ศุภณัฐฏ์ เหมือนตา กองหน้า วัย 16 ปี ของ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ กำลังหลักของทีมชาติไทย U-19 ในฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย ปีนี้ ที่แข่งขันในถิ่นอิเหนา – ประเทศอินโดนิเซีย

ซึ่งผลงานนั้นถือว่า ไปไกลกว่า ที่หลายคนคาดไว้ เพราะเมื่อเทียบ “ทัพช้างศึกจูเนียร์” ที่อยู่ในกลุ่มสุดหิน และ หลายคนปรามาสว่า นี่คือ “กลุ่มแห่งความตาย” เพราะอยู่ร่วมกับ ทีมอิรัก ทีมญี่ปุ่น และ ทีมเกาหลีเหนือ
แต่ผลงานของ “ช้างศึกจูเนียร์” กลับทำได้ดี เพราะเก็บแต้มได้ 4 แต้มจาก 9 แต้ม จากเกมที่เสมออิรักไป 3-3
ก่อนที่นัดต่อมา จะโดนทีมชาติญี่ปุ่นชุดเล็กสอนบอลไป 3-1 และ ก่อนจะเอาชนะเกาหลีเหนือ ไป 2-1 ทำให้ทีมไทย ตัวแทนกลุ่มบี ผ่านด่านไปเล่นรอบต่อไป
และนั่นหมายถึง “ช้างศึกจูเนียร์” อาจช่วยต่อความหวังและความฝันของคนทั้งประเทศ หากเกมหน้า สามารถผ่านด่าน “กาตาร์” แชมป์ของกลุ่มเอ ไปได้ และเท่ากับว่า พวกเขาจะคว้าสิทธิ์ ไปเล่น “บอลโลก U-20” ทันที
ซึ่งความสำเร็จขั้นต้นที่ว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ “เจ้าแบงค์” ในรายการนี้ เจ้าตัว ทำประตูได้ 2 เกมแรก และ 1 แอสซิสต์ ในเกมชี้ชะตากับเกาหลีเหนือ ในวัยเพียง 16 ปี หมายความว่า ดาวรุ่งคนนี้ต้อง “แบก” อายุเล่นกว่าคนที่โตกว่า แต่ก็ยังสามารถยิงยอดทีมของเอเชียได้
เขาผ่านการติดทีมชาติไทยมาแล้วทุกชุด ตั้งแต่ U-14 ถึง U-19 ในลักษณะเดียวกับ “ทาเคฟุสะ คุโบะ” เด็กเทพยุ่น ที่เข้าข่าย “เดอะแบก” เช่นเดียวกัน หลายความเห็นในอินเตอร์เน็ตพร้อมใจกันมอบฉายา “เพชฌฆาต ญี่ปุ่น” ให้
หลังก่อนหน้านี้ เจ้าตัวพึ่งยิงทีมชาติญี่ปุ่นชุด U-16 ในเกมที่ทีมชาติไทย แพ้ไป 5-2 เมื่อวันที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมา และมายิง “ซามูไรบลูส์” U-19 อีกครั้ง ในเวลาไม่ถึง 32 วัน

สำหรับเวที “ไทยลีก” นี่คือของสถิติลงเล่นไทยลีกอายุน้อยที่สุดในวัย “15 ปี 8 เดือน 22 วัน” ใช้เวลาอีกไม่ถึง 30 วัน เพื่อ เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ต่อเนื่อง ด้วยการ เป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูได้ในไทยลีก ในวัย “15 ปี 9 เดือน 25 วัน” หลังแผลงฤทธิ์ กด ทีมบ๊วย ของตารางไทยลีก อย่าง แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล 2 ประตู
ขณะที่ สารพัดรางวัลดาวซัลโว และ นักเตะยอดเยี่ยม ประจำทัวร์นามเมนต์ระดับเยาวชน เกือบทุกรายการที่เจ้าตัวมีส่วนร่วม ก็เป็นเครื่องการันตีอย่างดีว่า “เจ้าแบงค์” กำลังค่อยๆแบกเอาความคาดหวังของคนไทยที่เริ่มรู้จักเจ้าตัว ทีละนิด ละนิด
หนุ่มน้อยจากที่มีภูมิลำเนา จาก จ.ศรีษะเกษ คนนี้ นับว่า “ครบเครื่อง” ในตำแหน่งกองหน้า ทั้ง การจบสกอร์ การจับบอลแรก เทคนิค การไปกับบอล ความแข็งแกร่ง รวมถึง ความขยัน บี้คู่แข่งเมื่อไม่มีบอลกับตัว
ไม่ต้องพูดถึงเรื่อง “เซ้นส์บอล” ที่แซงหน้าเพื่อนร่วมรุ่นไปไกล แต่ด้วยประสบการณ์ในเกมระดับสูงที่ยังไม่มากนัก บางครั้ง อาจมีปัญหาเรื่องการวิ่งทำทางหรือการอยู่ผิดตำแหน่ง ในเวลาที่เหมาะสมบ้าง
ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่มาจากความขยันมุ่งมั่นของเจ้าตัว และ “กระดูกบอล” ที่ต้องอาศัย“เวลา” และ “การเรียนรู้” เท่านั้นในการเติมเต็ม
ความหลากหลายในการเข้าทำ ทั้งใน-นอกกรอบเขตโทษ แม้แต่ระยะครึ่งสนาม เจ้าตัวก็เคยทำประตูมาแล้ว ยิ่งแฟนบอล “ปราสาทสายฟ้า” คนไหนดูหมอนี่เล่นบ่อยๆ จะสังเกตได้ว่าเลย บางประตู ที่เจ้าตัวทำได้เริ่มจากการบังบอล โดยหันข้างทำมุม 45 องศา ก่อนหาจังหวะ “สังหาร” คาดว่าน่าจะเป็น “วิชา” ที่ได้มาจาก “ดิโอโก หลุยส์ ซานโต” กองหน้าที่ใช้คำว่า “ตำนาน” ของสโมสรได้อย่างเต็มปาก
เช่นเดียวกับสกิล “การเลื้อย” ที่ดูมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง คาดว่าซึมซับมาจาก “ออสวัลโด ฟิลโฮ“ จอมเทคนิคอีกคนของทีม

ขณะที่เรื่องสภาพร่างกายนั้น เจ้าตัวยังมีโอกาส “ยืด” และ “หนา” ได้มากกว่า นี้ และมันจะออกมาอย่างดีที่สุด หากเขาได้รับการเพาะบ่มจากโค้ชฟิตเนส รวมทั้งเรื่องโภชนาการ อย่างถูกวิธีอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งรายละเอียดไม่เล็กเหล่านี้ เชื่อขนมกินได้เลยว่า ทีมระดับ “ปราสาทสายฟ้า” จะไม่ยอมให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้น
อนาคตของ “เจ้าแบงค์” จะไปไกลกว่า “เจ้ามุ้ย”ธีรศิลป์ แดงดา หรือ “เดอะตุ๊ก” ปิยพงษ์ ผิวอ่อน หรือไม่นั้น คงเร็วเกินไปที่จะให้คำตอบ
แต่ความได้เปรียบที่ชัดที่สุด ระหว่างเขากับ กองหน้ารุ่นพี่ทั้ง 2 คือ หนุ่มน้อยคนนี้ ได้รับโอกาสฝึกปรือวิชาลูกหนัง กับ หนึ่งในอะคาเดมี่ ที่ดีที่สุดในประเทศไทย
และที่สำคัญกว่าคือ เขาเติบโต ในยุคที่ “ลีกไทย” มีรากฐานที่มั่นคงกว่าในอดีตที่ผ่านมา บรรดาผู้เล่นต่างชาติที่เป็น “ของจริง” ไม่ใช่ “ของปลอมทำเหมือน” ต่างหลั่งไหล เข้ามาหากินในแดนสยามกันมากขึ้น
อานิสงฆ์เหล่านี้ย่อมตกกับนักบอลสัญชาติไทย ทุกคน ที่จะได้โอกาสเรียนรู้ และซึมซับเอา เทคนิค และแนวทางการเล่นฟุตบอลในระดับสูงกว่าไทยลีกมาปรับใช้
ขึ้นอยู่กับว่า ใครจะเก็บเกี่ยวเรื่องนี้ได้มากน้อยเพียงไหน โดยเฉพาะบรรดาผู้เล่นที่ “เลเวลยังไม่ตัน” ซึ่งส่วนตัวของ “เจ้าแบงค์” ที่เป็นเด็กอ่อนน้อม ไม่มีอีโก้ และที่สำคัญเขา “จดจ่อ” อยู่กับหน้าที่ที่ตัวเองได้รับมอบหมาย และพร้อมไล่บอลเมื่อเสีย โดยไม่ปริปากบ่น ซึ่งบุคลิกเหล่านี้แสดงให้เห็นอะไรหลายอย่าง
ยิ่งเจ้าตัวมีชื่อขึ้นมาในยุคที่ ประเทศไทยกำลังอยู่เกิด “คำสาปกองหน้า” เมื่อดาวซัลโวฟุตบอลไทย ทุกระดับ มีเพียง ไทยลีก 3 เท่านั้น ที่มีดาวซัลโว เป็นคนไทย
นั่นคือ “เจ้าหนุ่ม” ฉัตรชัย นาควิจิตร ของ “เจแอล เชียงใหม่” ที่กำลังหาสโมสรใหม่ ส่วนที่เหลือ กองหน้าไทยต่างทำประตูได้เพียงหลัก สิบต้นๆ เท่านั้น สายตาเกือบทั้งหมดจึงจับตาไปที่หนุ่มน้อยคนนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในวัย 16 ปี เจ้าตัวยังมีเวลาอีกยาวไกล บนฟลอร์หญ้าสีเขียว, สำหรับฟุตบอลระดับเยาวชน เจ้าตัวคงไม่มีอะไรต้องพิสูจน์อีกแล้ว “ไทยลีก” จึงเป็น เวทีต่อไป ที่เด็กระเบิดคนนี้ได้ปล่อยของ เช่นเดียวกับเวทีการแข่งขันระดับชาติ ซึ่งคนไทยจะค่อยๆได้ยินชื่อ “ศุภณัฐฏ์ เหมือนตา” ดังขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ส่วนเขาจะทำผลงานดีกว่า หรือ แย่กว่า 2 กองหน้าสยามคนอื่นๆ หรือไม่นั้น “เวลา” เท่านั้น จะเป็นผู้เผยคำตอบ
แต่มาจนถึงตอนนี้ ขอให้แฟนบอลไทยทุกคนพึงระลึกไว้ว่า “เจ้าแบงค์” ไม่ใช่ “นิวธีรศิลป์” หรือ “นิวปิยพงษ์” เหมือนกับกองหน้ารุ่นใหม่หลายคนที่เคยโผล่ขึ้นมา และค่อยๆหายไป หรือกำลังพิสูจน์ตัวเองอยู่
แต่ศักยภาพของเด็กจากศรีสะเกษคนนี้ ที่หลายคนเห็น และสัมผัสได้ ไม่จำเป็นต้องมีชื่อ “นิว” ใดๆ มานำหน้า และหากไม่มีอะไรผิดพลาด กองหน้าดาวรุ่งในอีก 15 ปีข้างหน้า นั่นแหละ มีโอกาสที่จะต้องสวมตำแหน่ง “นิวศุภณัฐฏ์” แทน และดูเหมือนว่าโอกาสค่อนข้างสูงเลยทีเดียว.
แถมท้ายกันนิด สำหรับ รายการนี้ “ช้างศึกจูเนียร์” สามารถผ่าน เข้ารอบน็อคเอาท์ ไปพบกับ “กาตาร์” วันที่ 28 ตุลาคมนี้ เวลา 16.00 น. ที่สนามเกโลร่า บัง การ์โน่ สเตเดียม โดยการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี จะนำเอา 4 ทีมสุดท้าย ผ่านเข้าไปแข่งขันฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์โลก รุ่นอายุไม่เกิน 20 ที่ประเทศโปแลนด์ ในปี 2562. ดังนั้นมา ลุ้นและเป็นกำลังใจให้ ทัพช้างศึก U 19 กัน.

ขอบคุณ สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
By ใบไม้ห้าแฉก
