“เอเธนส์-อนุชิต ชูชี” ผลผลิต “ค้างคาวไฟจูเนียร์” จากลีกล่าง สู่สนาม T1
DST.Exclusive : ผ่านไปปีเต็ม สำหรับการกำเนิดของ “อะคาเดมี่ สุโขทัย เอฟซี” ที่ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ที่ปรึกษาสโมสรสุโขทัย เอฟซี ต้องการสร้างเป็นศูนย์ฝึกแข้งเยาวชน เพื่อพัฒนาไปสู่ ลีกใหญ่ ระดับอาชีพ
หากไม่มองเฉพาะผลการแข่งขันของ “ค้างคาวไฟจูเนียร์ – สุโขทัย เอฟซี บี” ในสนามระดับอาชีพ ไทยลีก4 ฤดูกาลที่ผ่านมา เราจะเห็นพัฒนาการของ “แข้งเด็ด” ที่ก้าวเข้าสู่ สนามใหญ่ และ รอวันบ่มเพาะขึ้นชั้นเป็น “ตัวจริง”
อย่างน้อยที่ได้เห็นฝีเท้า คือ “เอเธนส์ – อนุชิต ชูชี” ดาวรุ่ง หมายเลข 63 ที่ฝากลวดลายไว้ในเกมโตโยต้า ไทยลีก นัดที่ “สุโขทัย เอฟซี” ไปเยือนถิ่นปราสาทสายฟ้า “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” แม้เขาจะถูกส่งตัวลงท้ายเกม นาที 79 แต่ผลงาน ฐานะ “กองหลัง” ที่ต้องชนกับกองหน้าต่างชาติ เรียกว่า ได้รับเสียง “เฮ” จากแฟนบอล
กับงานของ “อนุชิต” บนสนามหญ้า ใช่ว่าเขาเพิ่งตั้งไข่ เพราะที่จริง ก่อนที่เขาจะเข้าสังกัด “ค้างคาวไฟ” เขาเคยผ่านงานระดับสโมสรอาชีพ ภายใต้ “บีอีซี เทโร” และ “โดม เอฟซี” รวมถึงผ่านเกมระดับทีมชาติมาแล้ว ในส่วนของ “ทีมนักเรียนไทยชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 43” ในช่วงที่เขายังเป็นนักเรียนขาสั้นของรั้ว “กรุงเทพคริสเตียน”
จากประวัติที่จารึกชื่อของเขาไว้ กับ “อนุชิต” ในวัย 21 ปี เขาบอกกับ DailySoccerThailand ว่า เป็นสิ่งที่กำหนดไว้ตั้งแต่ต้น
“ตอนผม 6ขวบ ผมนั่งดูฟุตบอลกับพ่อ แล้วเอ่ยกับพ่อว่า ผมอยากไปเตะบอลแบบนั้นบ้าง พ่อจึงพาผมไปลองเล่นบอลที่ศูนย์ฝึกกีฬา ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เล่นไปสักพัก ได้เข้าสังกัดอะคาเดมี่ ที่ไทยเบฟ เป็นเจ้าของ”
เมื่อประสบการณ์ถูกบ่มเพาะจนถึงขั้น “เอเธนส์” ในวัยที่เพิ่งเปลี่ยจาก “เด็กชาย” ไปเป็น “นาย” ถูกส่งตัวเข้าคัดตัวเยาวชนทีมชาติไทย แต่เหมือนช่วงนั้น “ฟุตบอล” ได้รับความนิยมค่อนข้างสูง ทำให้เขาไม่ผ่านการคัดตัว
แต่จากความผิดหวังในครั้งนั้น ทำให้เขาได้โอกาส เพราะ “โค้ชจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน” โรงปั้นดาวเตะ ที่มีชื่อเสียง ทาบทามให้เข้าสังกัด ตอนนั้น “เอเธน” ซึ่งเรียนอยู่ “โรงเรียนสวนกุหลาบ รังสิต” ตัดสินใจย้ายตามคำชวนทันที เพราะเห็นโอกาสที่จะไล่ตามความฝัน กับสิ่งที่เขาเลือกว่า ได้เกิดมาเพื่อทางนี้ คือ เป็นนักฟุตบอล
“ผมไปเรียน ม.5 เพิ่งรู้ว่าเขาเน้นทั้งเรียน และ กีฬา ตอนนั้นยอมรับว่าเหนื่อย แต่เมื่อเราเลือกแล้ว และใจรักด้วยจึงทำให้มันเต็มที่และสุดๆ ไป”
แต่ความเต็มที่ของ “เอเธนส์” มีทั้งข้อดี และผลเสียของตัวเอง เพราะความห้าว! ทำให้เขาต้องบาดเจ็บ รักษาตัวนานกว่า 4 เดือน และแม้จะรักษาตัวได้ทัน แต่ช่วงนั้นคาบเกี่ยวกับการได้สิทธิ์คัดตัวทีมชาติชุดเยาวชน รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ทำให้ความผิดพลาดจากความใจร้อน จนเจ็บ กลายเป็นบทเรียนที่ทำให้เขาจำขึ้นใจ เพราะ “พลาดโอกาส” ที่เกือบจะคว้าได้แล้ว
จาก “รั้วโรงเรียน” และเป็นนักบอลฝึกหัดให้กับ “บีอีซี เทโร” ชุดเล็ก ที่ค้าแข้งในลีกดิวีชั่น2 จนเรียนจบ เขาได้โอกาสเล่นลีกอาชีพต่อกับ “โดม เอฟซี” แต่จากเข้าสังกัด 2 ปี เขาแทบไม่ได้รับโอกาส เพราะผู้บริหารทีม ต้องการ “นักเตะ” ที่มีประสบการณ์ ดังนั้น “กองหลัง พรรษาน้อย” จึงเป็นตัวเลือกสุดท้ายของเกม
“ผมแทบไม่ได้เล่น จึงตัดสินใจออกมาหาความท้าทายใหม่ และมีเพื่อนบอกว่า สุโขทัย เอฟซี มีคัดตัวเด็กเพื่อไปเล่นทีมไทยลีก4 แม้ผมจะมีประสบการณ์ แต่วันนั้นเกือบไม่ได้ เพราะลงคัดครั้งแรกไม่มีชื่อ แต่เพื่อนของพ่อบอกให้รอก่อนเพราะมีเวลา พอคัดรอบสอง ทีมสโมสรฯ บอกว่ากองหลังขาด ผมอาสาลงไปเล่นเอง ได้โอกาสโชว์อีกครั้ง และได้รับเลือกในที่สุด”
กับผลงานของเขา ในไทยลีก4 ของ “ค้างคาวไฟจูเนียร์” มีเพียง 3 แมชต์แรกที่ไม่ได้ลง แต่หลังจากนั้นได้ลงมาตลอด แต่เขายอมรับความจริงข้อหนึ่งว่า “ผลงานไม่ดี” เพราะความอ่อนประสบการณ์ อย่างที่ใครหลายคนปรามาสไว้
“ผลงานของทีมไม่ค่อยดี ผมมองได้อย่างหนึ่ง คือ เด็กบางคนไม่มีประสบการณ์ ไม่เคยผ่านเกมอาชีพ พอลงสนามก็ตื่นเต้น แต่ผมเชื่อว่าปีแรกใครๆ ก็เป็นแบบนี้ และต่อไปเมื่อเขาได้รับโอกาสและเพิ่มประสบการณ์มากกว่านี้ จะพัฒนาได้อีกไกล”
กับฤดูกาลหน้า “เอเธนส์” จะก้าวเป็นไป 1 ในทีมของผู้เล่นชุดใหญ่ ของ “สุโขทัยเอฟซี” พร้อมถูกวางตัวให้อยู่กับสังกัดนี้ นานถึง 4 ปี
ซึ่ง “เอเธน” มองว่าเป็นความท้าทายที่เขาต้องพิสูจน์ตัวเองให้หนักขึ้น
ขณะที่ทักษะ หรือทางบอลของเขานั้น ถือเป็นผู้เล่นที่มีความพิเศษ เพราะสามารถเล่นบอลได้ทั้ง 2 เท้า และรับลูกกลางอากาศได้ดี เพราะรูปร่างสูงใหญ่ ถึง 184 เซนติเมตร ซึ่งเขาบอกเคล็ดลับของการฝึกทักษะ 2 เท้าไว้ว่า
“ตอนที่ผมบาดเจ็บ คือ เจ็บเท้าฝั่งขวา แม้จะไม่หนัก แต่ต้องพักยาว 4 เดือน ผมไม่อยากทิ้ง ผมอยากไปต่อ จึงหัดใช้เท้าซ้ายเล่นบอล จนกลายเป็นสิ่งพิเศษสำหรับผมไปในที่สุด”
กับเป้าหมายของชีวิต “กองหลังดาวรุ่ง” เขาบอกว่า อยากประสบความสำเร็จให้มากที่สุด อย่างน้อยในนามสโมสรอาชีพ คือการสร้างโอกาสให้ตัวเอง ได้ลงเล่น เพื่อสร้างประสบการณ์ในเกมแข่งขัน เพราะเขามองว่า “การขาดประสบการณ์” คือ จุดอ่อนที่สุดของเขาตอนนี้
“4 ปีในวงการฟุตบอล ผมว่าตัวเองยังมีสิ่งที่ขาดอีกเยอะ แต่ผมพยายามจะใช้สนามซ้อมเพื่อชดเชยสิ่งที่ขาดไป ผมไม่ค่อยสนใจกับคนที่บอกว่า นักเตะเด็กคือคนที่ขาดประสบการณ์ ไร้น้ำยา เพราะของพวกนี้เติมได้ อีกอย่างสุโขทัย เอฟซี มีนักเตะเก่งๆ อยู่เยอะ ผมมีเส้นทางที่จะเรียนรู้จากพวกพี่ๆ เพื่อให้วันหนึ่งผมโตขึ้นกลายเป็นนักเตะที่มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดเมื่อลงสนามแข่ง”
ดังนั้นก้าวต่อไป สู่จุดเริ่มต้นฤดูกาล 2019 มาจับตากันว่า “อนุชิต” จะเป็น 1 ในนักเตะเด็กปั้น ผลผลิตจาก อะคาเดมี่ สุโขทัย เอฟซี ที่จะก้าวเป็น “ดาวเด่น” ในไทยลีกต่อไปได้หรือไม่
แต่บอกไว้ก่อนเลย.. ลีกอาชีพระดับนี้ ไม่ใช่ “งานหมู” ดังนั้นกว่า ดาวเด่น จะจรัสแสง ต้องผ่านบททดสอบอีกหลายยก.
ขอบคุณ สโมสรสุโขทัย เอฟซี
By BlackSugar