• Home
  • News
  • ซูซุกิ คัพ2018 เกมที่ “ทัพช้างศึก” ต้องไม่พลาด

ซูซุกิ คัพ2018 เกมที่ “ทัพช้างศึก” ต้องไม่พลาด

By on October 24, 2018 0 1050 Views

DST.News : พักเบรกกันยาวๆสำหรับศึกฟุตบอลอาชีพไทยลีกแต่ระหว่างนี้แฟนบอลชาวไทยยังมีเกมให้ลุ้นและตามเชียร์

คือเกมแห่งศักดิ์ศรีของ “ทีมชาติไทย” ป้องกันแชมป์เจ้าอาเซียนในรายการ “AFF SuZuki Cup 2018”ที่เตรียมระเบิดศึกวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ 

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา “โค้ชมิโลวาน ราเยวัช” เรียกทัพนักเตะช้างศึกทั้ง 27 คนเข้าแคมป์เก็บตัวและฟิตซ้อมจูนระบบกันแล้วก่อนจะคัดให้เหลือ 23 คนเพื่อบู๊ศึกแห่งศักดิ์ศรีเกมนี้

แต่นอกจากสิ่งที่ “ทัพช้างศึก” ต้องหลอมรวมสปีริตเข้าด้วยกันแล้วสิ่งที่ต้องจับตาคือการทำหน้าที่ของผู้รักษาประตู

ซึ่งในปีนี้ถือว่าได้  “นายทวารน้องใหม่” มาเสริมทัพ ทั้ง “สรานนท์ อนุจันทร์ จาก สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด”. และ “ขวัญชัย สุขล้อม จาก พีที ประจวบ เอฟซี” 

จึงกลายเป็นคำถามสำคัญว่า “น้องใหม่วัย 20 ต้นๆ” จะฝากหวังได้มากแค่ไหน

ล่าสุดนั้น “ขวัญชัย” มือกาววัย 23 ปีให้สัมภาษณ์ว่า“เป็นเรื่องไม่คาดฝันหรือตั้งเป้าว่าจะมีโอกาสติดทีมชาติชุดใหญ่แต่เมื่อได้รับโอกาสในครั้งนี้รวมถึงชุดดเอเชียนเกมส์ที่ผ่านมาผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”

ขณะที่แรงกดดันกับเกมนี้ “ขวัญชัย” รู้ดีแต่เขาเองได้เตรียมร่างกายก่อนเข้าแคมป์เก็บตัวและระหว่างที่ฝึกซ้อมกับรุ่นพี่และรับเทคนิคจากโค้ชมิโลวานยืนยันจะปรับตัวให้เข้ากับทีมและโค้ชให้เร็วที่สุด แม้โค้ชมิโล จะไม่เร่งรัด เพราะไม่อยากให้เครียด และช่วยให้เขาเล่นเป็นตัวของตัวเอง แต่เขามุ่งมั่นกับการซ้อม ที่ตั้งเป้าทำให้ดี

 “จากนี้ ผมจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ในทุกๆการฝึกซ้อมครับ ลึกๆก็หวังว่าจะมีชื่อเป็น 23 คนสุดท้าย แต่ถ้าไม่มี ก็ไม่เป็นไรครับ อย่างน้อย ผมก็ดีใจที่มีโอกาสเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมแล้ว”

สำหรับทีมชาติไทยชุดใหญ่ที่จะบู๊กันเกมนี้จะตัดตัวให้เหลือ 23 คนก่อนส่งชื่อ

ดังนั้นต้องมาลุ้นกันว่าใครจะเป็น 23 คนที่ถูกเลือกเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ให้กับชาติไทย

ขณะที่โปรแกรมการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มซึ่ง “ทีมชาติไทยอยู่ในกลุ่มบี” จะเริ่มแข่งขันเป็นเกมในบ้านที่สนามราชมังคลากีฬาสถานวันที่ 9 พฤศจิกายนเจอกับ “ติมอร์เลสเต”

จากนั้นเป็นเกมที่2 เล่นในบ้านอีกครั้งวันที่ 17 พฤศจิกายน  พบกับ อินโดนีเซีย, เกมที่3 ต้องออกไปเยือนบ้าน “ฟิลิปปินส์” ที่สนามปานาอัด สเตเดียม ก่อนจะวนกลับมาเล่นในบ้านอีกครั้งในเกมสุดท้าย วันที่ 25 พฤศจิกายน ซึ่งทีมชาติไทย พบ ทีมชาติสิงคโปร์ ​

อย่างไรก็ดี “ทีมชาติไทย” ในรายการนี้  คว้าแชมป์มากที่สุด ถึง 5 ครั้ง ไล่ตั้งแต่ ปี 2016, ปี2014, ปี2002, ปี2000 และ 1996  ดังนั้นเกมของปีนี้ จึงเป็นสิ่งที่ “ช้างศึก” พลาดไม่ได้ ด้วยประการท้วงปวง.


ขอบคุณ FA Thailand

  News
Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *