รู้จัก “ทาเคฟุสะ คุโบะ” แข้งประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น คู่แข่งในเกมต่อไปของทีมชาติไทย U-19
By DST.News Report : ผลเสมอ 3-3 ระหว่าง ทีมชาติไทย กับ ทีมชาติอิรัก ใน “ศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี” ที่แดน “อิเหนา” ช่วยเรียกขวัญกำลังใจของทั้งผู้เล่นและกองเชียร์ชาวไทยได้เป็นอย่างดี
การตามตีเสมอ 3-3 หลังโดนนำ 2 ประตู แสดงให้เห็นว่า “เด็กไทย” ชุดนี้มีของ!!
แม้ต้องอยู่ใน “กลุ่มแห่งความตาย” ที่ประกอบด้วยทีมขาโหด อย่าง “อิรัก” “เกาหลีเหนือ” และ “ญี่ปุ่น”
กับเกมต่อไปที่ “ช้างศึกจูเนียร์” ต้องเจอ ถือว่าเป็นเกม “แข็งโป๊ก” ที่สุด เพราะต้องเจอ “ซามูไรบลูส์” ที่เกมประเดิมเขาเอาเอาชนะ “เกาหลีเหนือ” ไปด้วยสกอร์ 5-2 และ 3 ประตูที่ญี่ปุ่นได้ มาจากลูกยิงไกลทั้งหมด!!
หาก แฟนๆ DailySoccerThailand และ แฟนฟุตบอลไทย ติดตามความเคลื่อนไหวของทีมฟุตบอล อาจคุ้นหูกับ ชื่อ “ทาเคฟุสะ คุโบะ” เด็กมหัศจรรย์ วัย 17 ปี ที่ยิงฟรีคิ๊กระยะ 30 หลา ให้กับทีมชาติญี่ปุ่น
และเด็กคนนี้เอง ที่ถูกยกย่องให้มีชีวิตที่ใกล้เคียงกับ “กัปตัน สึบาสะ” ที่สุดในบรรดา นักเตะจากแดนอาทิตย์อุทัย
มาเปิดประวัติสุด ทึ่ง!!! ของ “คุโบะ” ให้รู้จักกันสักนิด
เด็กคนนี้ เป็นนักเตะญี่ปุ่นคนแรก ที่ “สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลน่า” คว้าตัวไปเซ็นต์สัญญา ตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งปีนั้น “คุโบะ” อายุแค่ 10 ขวบเท่านั้น
ก่อนไต่เต้าในสโมสรฯ ตั้งแต่รุ่น u-11 ถึง u-14 ในฤดูกาลแรก เพชรเม็ดงามแห่งแดนอาทิตย์อุทัย ทำไป 74 ประตู จาก 30 เกม กลายเป็นดาวซัลโวของลีกรุ่นเล็ก และได้รับความสนใจจากสื่อกีฬาทั่วโลก ด้วยลีลาการลากเลื้อย สุดพริ้วไหว โดยมีเท้าซ้ายเป็นอาวุธเผด็จศึก หลายคนจึงยกเจ้าตัวไปเปรียบกับ ยอดนักเตะของโลกอย่าง ”ลิโอเนล เมสซี่”
แต่ความฝันบนแผ่นดินยุโรปของ “หนุ่มน้อยจากจังหวัด คานางาวะ” ต้องจบลง หลังจากที่ไปค้าแข้งเพียง 4 ปี
เพราะในปี 2015 “บาร์เซโลน่า” ถูก “สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ” หรือ “ฟีฟ่า” ลงโทษแบนจากกรณี ทำความผิดเกี่ยวกับการ “แต็ป” เด็กเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี และ “ทาเคฟุสะ คุโบะ” มีชื่อเป็น 1 ใน 9 นักเตะ ที่ได้รับผลกระทบ และถูกลงโทษห้ามลงแข่งขันในเกมอย่างเป็นทางการของทีม 1 ปีครึ่ง
ทำให้ ครอบครัวทาเคฟุสะ พากลับบ้านเกิด ก่อนเป็น “เอฟซี โตเกียว” ที่ได้ลายเซ็นต์ของวันเดอร์คิด ที่ผ่านการเขี้ยวกรำจาก “ลา มาเซีย” ไปครอง
ก่อนเจ้าตัวจะสร้างสถิติเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นในการแข่งขันอาชีพ “เจลีก 3” กับ “เอฟซี โตเกียว u-23” กับ “เอซี นางาโน ปาเซอิโร” ด้วยวัย 15 ปี 5 เดือน 1 วัน พร้อมทำสถิติเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุด ที่ทำประตูได้ในเกมอาชีพ ในปีเดียวกัน
ก่อนโดนดันขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของเอฟซี โตเกียว อีก 5 เดือนต่อมา พร้อมถูกเรียกติดทีมชาติ ญี่ปุ่นชุด u-20 ทั้งที่ เจ้าตัวยังอายุไม่ถึง 16 ปีเต็ม
ถือเป็น “เด็กน้อยมหัศจรรย์” ที่ไม่ธรรมดา เพราะ “หมอนี่มีของ”
หากใครไปไล่ดูคลิปของหมอนี่ดูจะเห็นว่า หากเล่นกับนักเตะรุ่นๆ ใกล้เคียงกัน แทบจะไม่มีใครเอาหมอนี่อยู่หากไม่ตัดฟาวล์ เขาสามารถเลี้ยงผ่านคู่แข่ง 3-4 คน ได้อย่างง่ายดายโดยการแตะบอลเพียงไม่กี่ครั้ง
จนถึงตอนนี้ เจ้าตัวมีโอกาสได้ลงเล่นเจลีก 1 ไปแล้ว 13 นัด เป็นการเล่นกับ “เอฟซี โตเกียว” 6 นัด ในฤดูกาลปัจจุบันถูกส่งไปให้ “โยโกฮาม่า เอฟ มารีนอส” ยืมตัวครึ่งฤดูกาล ปัจจุบันลงเล่นไปแล้ว 7 นัด ทำไป 1 ประตูในวัย 17 ปี
ในส่วนของทีมชาติญี่ปุ่น เขาติดทีมชาติทุกชุด ไล่ตั้งแต่ u-15,u-16,u-17,u-19 และ u-20 โดยทุกครั้งที่ถูกเรียกตัว เขาต้องแบกอายุ ลงเล่นให้ทีมชาติแต่ละชุดอย่างน้อยที่สุด 1 ปี
หากไม่มีอะไรผิดพลาด เขานี่ละ ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์แดนอาทิตย์อุทัยคนต่อไป
จุดเด่นของเพลย์เมคเกอร์กึ่งกองหน้าคนนี้ อยู่ที่ การเลี้ยงบอล-ความคล่องตัว-ไหวพริบ-วิสัยทัศน์ในการเล่น และ จุดเด่นล่าสุด สดๆ ร้อนๆ คือ “การยิงไกล”
ซึ่งหากสังเกตุกันดู ทีมชาติญี่ปุ่นชุดเยาวชนทุกชุดพยายามเน้นจุดนี้เป็นพิเศษ และมันใช้ได้ผลดีเสียด้วย
แม้ว่า วงการฟุตบอลเอเชีย จะใช้เวลาไม่นานในการทำความรู้จัก “เมสซี่ญี่ปุ่น” คนนี้ แต่การันตีเลยว่าบรรดาแฟนบอลทุกคงจะต้องได้ยินชื่อ “ทาเคฟุสะ คุโบะ” ไปอีกนานหลายปี
และไม่แน่ว่าในอนาคตอันใกล้นี่ เจ้าตัวอาจได้ก้าวขึ้นไปทาบรัศมี “ริทสึ โดอัน” อีกหนึ่งดาวรุ่ง ที่กำลังเฉิดฉายอยู่บนเวที ยุโรป กับ “เอฟซี โกรนิงเกน” ในลีกสูงสุดของ ฮอลแลนด์ ที่ ปีล่าสุด “โดอัน” มีชื่อเข้าชิงดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี ร่วมกับ “คีเลียน เอ็มบัปเป้” กองหน้าอายุน้อยของทีมชาติฝรั่งเศส ,”จัสติน ไคลเวิร์ต” ปีกซ้ายของโรม่า หรือ “เทรนด์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์” แบ็คขวาทีมชาติอังกฤษ ของลิเวอร์พูล
อย่างไรก็ดี แม้ว่าเจ้าตัวจะมีประวัติการค้าแข้งเข้มข้นเพียงใด แต่ในเกมแข่งขัน วันที่ 22 ตุลาคม ที่ “ทีมชาติไทย” ต้องเจอ “ทีมชาติญี่ปุ่น” ผู้เล่นทั้ง 2 ทีมมี 22 ขา กับ 2 มือเท่ากัน อะไรก็เกิดขึ้นได้ ขอเพียงนักเตะทุกคนเล่นไปตามแท็คติคของโค้ชที่วางเอาไว้
และสำคัญที่สุด คือ ต้องพก “ใจ” ที่ไม่หวาดหวั่นคู่แข่ง ลงสนามพร้อมความเชื่อว่าเรามีดีพอที่จะเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการได้ ซึ่งไม่แน่ว่า เกมวันนั้น อาจมีชื่อ “เด็กไทย “สักคนที่เฉิดฉายให้ ทั่วทวีปเอเชียได้รู้จักก็เป็นได้.
ขอบคุณ สโมสรโตเกียว เอฟซี, บาร์เซโลน่า, ทีมชาติญี่ปุ่น
By : ใบไม้ห้าแฉก