บอลไทยไปยังไงบอลโลก!! “ซารูตะ ฮิโรโนริ” เปิดทัศนะว่าด้วย3สิ่งตรงๆ
DST.Interview : ทีมงาน Dailysoccerthailand มีโอกาสคุยกับ “ซารูตะ ฮิโรโนริ” ปีกหน้าหล่อขวัญใจแฟนบอล และเจ้าตัวยังเป็นแข้งญี่ปุ่นที่มาค้าแข้งในไทยลีกมากที่สุด ถึง 9 ปี ผ่านงานหลายสโมสร ทั้ง “ศรีราชา เอฟซี” เมื่อปี 2009 ก่อนย้ายไปอยู่กับ “บางกอกกล๊าส เอฟซี” ต่อด้วย “การท่าเรือ เอฟซี” , “สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด” และสุดท้าย “อุดรธานี เอฟซี” ก่อนจะบินกลับประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิด เพื่อไปทำงานศูนย์พัฒนาเยาวชน J-Green-Sakai เมืองโอซาก้า
ตลอด 9 ปี “ซารูตะ” คงไม่มีใครกังขา ถึง ประสบการณ์อันข้นคลั่กในไทยลีก และนอกจากเป็นผู้เล่นแล้ว เขายังเป็นนักสังเกตการณ์ โดยเฉพาะการพัฒนาของนักเตะ และ ฟุตบอลไทย แม้เขาจะย้ายกลับแดนอาทิตย์อุทัยแล้วเมื่อต้นปี 2018 แต่เขายังเฝ้ามองพัฒนาการและจุดเปลี่ยนแวดวงฟุตบอลไทย
จุดนี้เอง.. ที่ DailySoccerThailand อยากแลกเปลี่ยนมุมมองและขอไอเดียว่า จะทำอย่างไร ให้ “ฟุตบอลไทย” ไปไกลถึง “ฟุตบอลโลก”!! ลองไปฟัง มุมคิดของ “ซารูตะ” กัน

DST : คุณเล่นในไทยมาอย่างยาวนาน คุณช่วยอธิบายภาพแฟนๆ แต่ละทีมให้ฟังหน่อยครับ ?
ซารุตะ : ผมรักแฟนๆทุกทีมที่ผมเคยลงเล่นให้ ผมภูมิใจและชื่นชม เพราะพวกเขาเป็นส่วนสำคัญในการปรับตัว และเป็นเหมือนอีกครอบครัวหนึ่ง. แฟน บอลศรีราชา เป็นแฟนบอลที่สุภาพ ครับ ส่วนบางกอกกล๊าส เป็นทีมใหญ่ขึ้นมา พวกเขามีบรรยากาศการเชียร์เหมือนครอบครัว ขณะที่ การท่าเรือ เอฟซี พวกเขามีแฟนๆที่สุดยอด และเชียร์อย่างเร่าร้อน ช่วยกระตุ้นนักเตะได้เป็นอย่างดี
DST : แล้ว นักเตะไทยหละ มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง ตั้งแต่ปีแรกที่มาและปีสุดท้ายที่จากไป?
ซารุตะ : นักเตะไทยมีพัฒนาการที่ดีขึ้นทุกๆปี เช่นเดียวกับนักเตะต่างชาติที่มาเล่นไทยในไทยลีกด้วย อาจเป็นเพราะปัจจัยที่เกมแข่งขันเข้มข้นขึ้น รวมถึงกระแสฟีเวอร์ของบอลทีมชาติด้วย ทำให้เด็กๆ สนใจความเคลื่อนไหวของบอลไทย ผมคิดว่าว่าตอนนี้ ไทยลีกเหมือนกับเจลีก เมื่อซัก 5-6 ปีที่แล้วนะ
DST : ตอนนี้ทีมชาติไทย ยังห่างกับ ทีมชาติญี่ปุ่น อีกไกลไหม แล้วเราต้องทำอย่างไรให้ไปถึงจุดนั้นได้ ?
ซารูตะ : ตรงๆนะ แบบไม่อวยนะ ผมคิดว่าศักยภาพนักเตะไทยสูงกว่านักเตะญี่ปุ่น หากดูจากบอลเยาวชน ทั้งไทยและญี่ปุ่นแทบไม่ต่างกันเลย แต่จะมีจุดเล็กๆ นิดนึงที่เป็นความแตกต่างระหว่างคนญี่ปุ่น กับ คนไทย คือ 1.ระเบียบวินัย 2.ความขยัน และ 3.เพิ่มศักยภาพของโค้ช รวมทั้งการดำเนินงานของสมาคมพัฒนาขึ้น ผมเชื่อว่าวันนั้น ไทยจะเอาชนะญี่ปุ่นได้ เผลอๆ ไปไกลถึงฟุตบอลโลก ก็ได้นะ

DST : สมัยก่อน การเตรียมตัวนักฟุตบอลก่อนเกมไทยลีก มีความเป็นมืออาชีพพอหรือยัง ?
ซารูตะ : คำถามนี้มันตอบยากนะ ผมมองว่ามันเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลมากกว่า จริงๆคือ หากคุณตั้งใจจะเตรียมตัวจริงๆละก็มันตั้งออกมาดีอยู่แล้ว ใช่ไหมละ, แต่ผมไม่รู้หรอกว่าคนอื่นคิดเรื่องนี้ยังไง แต่ผมเชื่อว่า ทุกคนคงมีแนวทางการเตรียมตัวของตัวเองที่ไม่เหมือนกัน
DST : นักเตะไทยบางคนได้มีโอกาสลงเล่น เจ-ลีก คุณมองว่าพวกเขาพิสูจน์ตัวเองได้หรือยัง ?
ซารุตะ : แน่นอนครับ หลายคนพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พวกเขาดีพอในการเล่นฟุตบอลระดับที่สูงขึ้น ผมคิดว่าตอนนี้พวกเขา ไม่ควรมองที่ “เจ-ลีก” อีกแล้วละ พวกเขาควรมองโอกาสค้าแข้งในยุโรป ผมเชื่อว่า นักเตะไทยมีศักยภาพถึงระดับนั้นได้จริง
DST : รู้สึกอย่างไร เมื่ออดีตต้นสังกัด “บางกอก กล๊าส เอฟซี” ตกชั้นปีนี้ และอนาคตเขาจะกลับมายิ่งใหญ่อีกไหม?
ซารูตะ : มันน่าเสียดายที่ห้องเห็นทีมที่ยอดเยี่ยม อย่าง บางกอกกล๊าส ต้องตกชั้น แต่ผมเชื่อว่า พวกเขาเป็นทีมที่สุดยอด,ผมคอยตามเชียร์พวกเขาอยู่เสมอ สำหรับแฟนบอลทุกคน ขอให้ร่วมกันเอาใจช่วยสโฒสรที่เรารัก ผมเชื่อว่าพวกเขาจะเลื่อนชั้นขึ้นมาภายในปีเดียว,จากนั้นพวกเขาจะสามารถก้าวไปคว้าแชมป์ไทยลีกได้อย่างแน่นอน , และผมอยากจะบอกว่า ผมค่อนเอาใจช่วยสโมสร ตลอดไป

กับบทสัมภาษณ์นี้.. จะจับใจความได้ว่า นักบอลไทยยังห่างกับ “ซามูไรบลูส์” ไม่มากนัก แต่ในทางปฏิบัติ เราทุกคนรู้ดีว่าคงไม่ใช่เร็วๆนี้แน่ ที่จะขยับไปใกล้กับพวกเขาได้
แต่อย่างน้อย ในสายตาของ “ซารูตะ” นักเตะไทยทุกวันนี้ มีดีพอที่จะทำให้เรื่องที่ล้อเล่นกันมาหลายปี อย่าง “นักเตะของเรามีดีพอจะไปเล่นในยุโรปด้วยความสามารถจริง” กลายเป็นความจริงได้ในอนาคต.
ขอบคุณ : www.facebook.com/saruta.hironori.5
By : ใบไม้ห้าแฉก