- Home
- Special Report
- วิบากกรรม “นกใหญ่” ในสงครามที่ยัง “ไม่จบ”
วิบากกรรม “นกใหญ่” ในสงครามที่ยัง “ไม่จบ”
DST.Special Report : มันอาจพอมองเห็นเค้าลาง แต่มันยังไม่แน่นอน 100% ว่า สิ้นเสียง 90 นาที ในนัดสุดท้ายของทุกสนาม ใครจะต้องลงไปเล่นไทยลีก 2 ในฤดูกาล 2019
3 อันดับนับจากท้าย อาจดูเลือนรางในทางปฏิบัติ แต่อันดับ 15 เรื่อยไปถึงอันดับ 9 มีช่องว่างห่างกันแค่ 6 คะแนน ขณะที่ยังเหลือเกมอีก 4 นัด
การดิ้นรนหนีตาย มันไม่ง่ายเลยในฤดูกาลที่ยาก ซึ่งต้องตกชั้น 5 ทีม การที่ตัวเองชนะอาจไม่เพียงพอ แต่ยังต้องอาศัย “แช่ง” ให้ทีมในระนาบเดียวกัน “สะดุด” อีกด้วย
บรรยากาศในเวทีไทยลีก 1 ปีนี้ แตกต่างจากทุกปี ทุกสนามเต็มไปด้วยรังสี “เครียด – กดดัน” ที่มหาศาล เพราะไม่มีใครอยากเป็น 1 ใน 5
“เก่งจริงอย่าไปกลัว ตกแล้วขึ้นมาใหม่ได้” มันอาจใช่ แต่อย่าลืมว่า การลงไปเล่นไทยลีก 2 ปีหน้า เพื่อหวังเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด ต้อง “ออกแรง” มากกว่าปกติหลายเท่า
ทีมท้ายตารางในปีนี้ที่ร่วงลงไป คือ ทีมที่มีศักยภาพ ขณะที่ทีมเลื่อนชั้นจากไทยลีก 3 ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเจ แอล เชียงใหม่, เอ็มโอเอฟ ศุลากร ยูไนเต็ด และอยุธยา ยูไนเต็ด ก็เป็นพวกน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์
นี่ยังไม่นับรวมพวกเสือ สิงห์ กระทิง แรด ในไทยลีก 2 ที่ยังไม่ละความพยายามในการไต่ขึ้นมา ดังนั้น ไทยลีก 2 ฤดูกาล 2019 จึงเป็นสังเวียนที่ส่อแววว่า จะ “โคตรระอุ”
เช็กโปรแกรม 4 นัด ที่เหลือของพวกที่ยังอยู่ “ปากเหว” ไล่ตั้งแต่ชลบุรี เอฟซี ในอันดับ 9 ลงมาถึงอันดับ 15 อย่างโปลิศ เทโร เอฟซี บอกตรงๆ “หนัก” กันทุกเกม ไม่ว่าเจอใครก็ยากทั้งนั้น แถมยังมี “แรงกดดัน” เป็น “ทุนเดิม” ก่อนเดินก้าวลงสนามอีกต่างหาก
แต่ถ้าให้เลือกว่า ใครหนักหนาสาหัสสุด ต้องบอกว่า “นกใหญ่พิฆาต” ชัยนาท ฮอร์นบิล ทีมอันดับ 14 ค่อนข้างมีโปรแกรมที่ “โหด” เมื่อเปรียบเทียบกัน
4 เกมที่เหลือ ไม่เจอทีมหัวตารางที่ “แพ้ยาก” ก็เจอพวก “เรดโซน” ที่ “เคี้ยวยาก” เข้าไปอีก โดยนัดที่ 31 จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่ง “ชัยนาท” ยังไม่เคยเอาชนะได้ใน “เขาพลอง สเตเดี้ยม”
เสร็จจากนั้นต้องยกพลลงใต้ไป “สนามสามอ่าว” ของ “ต่อพิฆาต” ประจวบ เอฟซี ทีมที่เล่นเกมในบ้านได้แน่นอนที่สุดอีกทีมหนึ่งในปีนี้ ก่อนจะกลับมาเล่นในบ้านเจอกับ “แข้งเทพ” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด อันดับสองที่คั่วตั๋วบอลเอเชียอยู่
ขณะที่นัดสุดท้าย สาหัสสากรรจ์ไม่เบาเมื่อต้องยกพลไปเล่นดาร์บี้แมตซ์ “340” กับ “ช้างศึกยุทธหัตถี” สุพรรณบุรี เอฟซี ที่กำลังหนีขอบเหวอยู่เหมือนกัน
ความยากของเกมว่า โหดแล้ว เหมือน “โชคชะตา” จะไม่เข้าข้างพวกเขาสักเท่าไหร่ เมื่อนัดสำคัญที่เหลือ ต้องประสบปัญหาผู้เล่นคนสำคัญบาดเจ็บ “เจ้าเบสท์” ชัชน ใจรังสี แข้งพลังหนุ่มที่โชว์ฟอร์มได้ดีในปีนี้ ประสบปัญหาบาดเจ็บต้องพักรักษาตัว 6-7 เดือน
“เจ้าเช็ก” รัชนาท อรัญญไพโรจน์ มิดฟิลด์อนาคตไกล หัวใจสำคัญในแดนกลาง ถูกแบน 1 นัด ในเกมที่จะเจอกับ “เมืองทอง” หลังสะสมใบเหลืองครบ 4 ใบ
เหนือสิ่งอื่นใด “เดนิส อมาโต” ขงเบ้งผู้ปลุกชัยนาทจากก้นบ่อ ออกแบบจนชัยนาทเป็นบอล “มีทรง” ทุกวันนี้ ประสบอุบัติเหตุเป็นลมล้มหัวฟาดพื้น กระดูกคอร้าว แม้จะออกจากโรงพยาบาลได้ แต่คงยังไม่พร้อมสำหรับการนั่งคุมทีมในนัด “เมืองทอง” แน่
ส่วนฟอร์ม 8 นัดหลังสุด พวกเขายังไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งได้เลย ฟอร์มท้ายเลกแรกที่ “หฤห่าม” พวกเขายังไม่สามารถเรียกคืนมาได้ และนานวันไป “ความมั่นใจ” ดูจะลดลง
ทั้งที่บอล “นกใหญ่พิฆาต” ถือเป็นบอล “มีทรง” หลายเกมไม่ได้เล่นแย่อะไรเลย แต่เกิดจากความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ กับปัญหาผู้ตัดสินในบางแมตซ์ ที่ถือเป็นปัญหาใหญ่ของวงการฟุตบอลบ้านเรา
นั่งดูเกมส์ของชัยนาทหลายแมตซ์ ต้องบอกว่า น่าเสียดายที่หลังสิ้นเสียงนกหวีด พวกเขาไม่ได้ 3 แต้ม ซึ่งนี่อาจเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้เกมถัดๆ ไปของพวกเขามีความกดดันที่เพิ่มมากขึ้น
“ความมั่นใจ” เหล่านี้กับ 4 เกมที่เหลือ ดูแล้วนอกจากตัวนักเตะเอง สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่จะทำให้พวกเขาตื่นจาก “หล่ม” ได้คือ แรงใจจากแฟนบอล ซึ่งเป็น “พลังแฝง” ที่ปลุกเร้าได้เป็นอย่างดี
เกมที่เหลือมันอาจยาก แต่มันไม่ได้ยากจนเกิดขึ้นไม่ได้ ในเมื่อสิ่งที่มันไม่เคยเกิดขึ้นอย่างการเอาชนะ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่อีสานใต้ ยังอุบัติขึ้นมาแล้วในปีนี้
อีกจุดหนึ่งคือ อย่าลืมว่า “ชัยนาท” มีประสบการณ์ในการหนีตกชั้นค่อนข้างจะโชกโชน ไม่นับปีที่ต้องตกชั้น เพราะเหตุการณ์ที่คนไทยไม่อยากให้เกิดขึ้น ทีมของ “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย เอาตัวรอดได้ตลอด
มันอยู่ที่พวกเขาจะ “ร่วมแรง” กันได้ขนาดไหน ยอมรับในโชคชะตาตั้งแต่ตอนนี้ หรือจะเดินหน้าเย้ยฟ้าท้าดินในสงครามที่ยัง “ไม่จบ”.
เรียบเรียงโดย : วนิลลา สกาย
ขอบคุณภาพ : เพจ CHAINAT Football Club