- Home
- Special Report
- ‘พลังกาญจน์’ ก่อน Top 3 ต้อง ท็อปฟอร์มก่อน
‘พลังกาญจน์’ ก่อน Top 3 ต้อง ท็อปฟอร์มก่อน
DST.Special Report : กลายเป็นทีมน้องใหม่ไทยลีก 1 ที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุด สำหรับ ‘ม้าเหล็ก’ พลังกาญจน์ เอฟซี
ส่วนหนึ่งที่ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษคือ การเซ็นสัญญากับผู้เล่นโปรไฟล์ระดับพรีเมียร์ลีกอังกฤษอย่าง ‘แอนดรอส ทาวน์เซ่นต์’ อดีตปีกทีมชาติอังกฤษวัย 34 กระรัต
กับอีกส่วนหนึ่งที่กลายมาเป็นมีมล้อเลียน เวลา ‘ม้าเหล็ก’ พลางพลั้งเสียทีในการแข่งขันคือ วลีระดับตำนานของ ‘หมอวัติ’ นพ.ประวัติ กิจธรรมกูลนิจ บิ๊กบอสใหญ่ของทีม ที่ประกาศอหังการประกาศกร้าว ขอจบ 1 ใน 3 ของลีก ทั้งที่เป็นน้องใหม่แกะกล่อง ไม่มีประสบการณ์ในสมรภูมิลีกสูงสุดแม้แต่วินาทีเดียว
“ความเป็นจริง เราคงทำงานแบบไม่มีเป้าหมายไม่ได้ เราวางโพซิชั่นตัวเองสูง ผมเสียดายกระแสที่เรามีอยู่ ทุกอย่างที่เมืองกาญมี มันพร้อมหมด ผมเลยตั้งเป้าหมายไว้ค่อนข้างสูง และพูดอย่างไม่อายตั้งแต่ตอนที่เราขึ้นมาแล้วว่า เราจะเอา Top 3”
แน่นอนการตั้งเป้าหมายไว้สูงๆ ถือเป็นวิชั่นอันพึงมีของผู้บริหารทุกองค์กร ทุกวงการ หากแต่เมื่อทำไม่ได้ สิ่งเหล่านั้นจะถูกเรียกว่า ความล้มเหลวในบัดดล
ในข้อเท็จจริง ‘หมอวัติ’ ไม่ผิดที่ตั้งเป้าหมายไว้สูงลิ่ว เพราะเขามีทรัพย์สิน ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากสำหรับความสำเร็จในยุคนี้ เพียงแต่ในการแข่งขันลีกอาชีพ มีเงินอย่างเดียวมิอาจเสกความสำเร็จได้

การทำทีมฟุตบอลพึ่งพาหลายองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเงิน โครงสร้างทีม ระบบการเล่น และที่สำคัญ ความเป็นมืออาชีพของทุกๆ องคาพยพในทีม
‘ปราสาทสายฟ้า’ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คือ กรณีศึกษาที่ดีสำหรับการทำทีมฟุตบอลให้ประสบความสำเร็จ ‘เนวิน ชิดชอบ’ บิ๊กบอสใหญ่แห่งอีสานใต้ไม่ได้มีแค่เงิน แต่ผลักดันทุกอย่างในทีมให้มีความเป็นมืออาชีพมากที่สุด
กฎเหล็ก ระเบียบวินัยนักเตะ ตลอดจนวิทยาศาสตร์การแพทย์ ถูกนำมาใช้อย่างเต็มกำลัง ใครที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ ย่อมไม่สามารถจะอยู่ต่อเพื่อรับเงินเดือนที่สโมสรแห่งนี้ได้
เช่นกัน ‘ม้าเหล็ก’ มีเงิน มีผู้เล่นชื่อดัง แต่ที่ผลงานออกมาตรงกันข้าม เราน่าจะได้เห็นจากรูปเกมแล้วว่า เพราะอะไร
นักเตะในทีมมาจากคนละทิศละทาง บางคนเป็นซูเปอร์สตาร์ชื่อก้อง พูดตรงๆ คือ เหมือนสร้างทีมใหม่ การปรับจูนให้นักเตะเหล่านี้เข้าใจระบบของโค้ชและผู้เล่นคนอื่นๆ เป็นเรื่องสำคัญ ต้องใช้ระยะเวลาระดับหนึ่ง

เช่นเดียวกับหัวหน้าผู้ฝึกสอน ที่จะต้องออกแบบอย่างไรให้วัตถุดิบในมือออกมาได้กลมกล่อม บางคนยึดมั่นในปรัชญาตนเองโดยไมได้ดูว่า ทรัพยากรที่มีอยู่มันเข้า มันสอดคล้องกันหรือไม่
‘แอนดรอส ทาวน์เซ่นต์’ อาจจะเก่งกล้าสามารถ แต่ฟุตบอลสมัยใหม่ เก่งคนเดียวไม่เพียงพอ องค์ประกอบในทีมต้องเกื้อหนุนจุนเจือเขาด้วยเช่นกัน ถึงจะทรงประสิทธิภาพ
เหนือสิ่งอื่นใดคือ ต้องรู้จักตัวเอง รู้จักทีมตัวเองให้ดีที่สุด การแข่งขันบนลีกสูงสุดมีช่องว่างและระยะห่างจากลีกพระรองไม่น้อยทีเดียว คุณอาจจะยิงประตูแบบบ้าคลั่งในซีซั่นก่อน แต่เมื่อเจอสถานการณ์และคุณภาพผู้เล่นที่แตกต่าง มันต้องปรับการเล่นให้สอดคล้องตามไปด้วย
เป้าหมายสูงๆ ไม่ผิด แต่ถ้ามองความเป็นจริงมาประกอบ ก็จะวางโพซิชั่นตัวเองในลีกสูงสุดที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนได้

เห็นหรือไม่ว่า ส่วนใหญ่ทีมน้องใหม่ในอดีตมักจะวางเป้าหมายซีซั่นแรกพวกเขาเอาไว้ที่ ‘อยู่รอดปลอดภัย’
ไม่ใช่เพราะหวังน้อย แต่มันคือ การไม่สร้างแรงกดดันให้ตัวเอง และหากผลออกมามันดีกว่าเป้าดังกล่าว หรือจบ 1 ใน 3 ได้ เหล่านั้นเรียกว่า ‘กำไร’
มันมีเยอะแยะในโลก ที่น้องใหม่ขึ้นมาปีแรกแล้วทำผลงานไฉไลเป็นบ้า
แต่เหล่านั้นมันเริ่มจากการก้าวทีละก้าว กินข้าวทีละคำ.
__________
เรียบเรียงโดย : วนิลาสกาย
ขอบคุณภาพ : เพจ Kanchanaburi Power FC – พลังกาญจน์ เอฟซี