ซีซั่นหน้า ถึงเวลา ‘เอเธอริดจ์’ เฝ้าเสา ‘ศิวรักษ์’ เฝ้าซุ้ม

DST.Special Report : การอิมพอร์ต ‘นักเตะต่างชาติ’ ของ ‘ปราสาทสายฟ้า’ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อยู่ในระดับ ‘ฉ่ำ’

‘ฉ่ำ’ เพราะแต่ละตัว โปรไฟล์ ดีกรี และสถิติ อยู่ในระดับ ‘ห่าม’ เกินห้ามใจ
.
เป็นสโมสรที่ใช้คำว่า ‘ว้าว’ ได้สิ้นเปลืองมาก กับการซื้อนักเตะต่างชาติเข้าสู่ทีม

ต้องยอมรับ 1-2 ซีซั่นหลังมานี้ ‘พ่อใหญ่เน’ เนวิน ชิดชอบ บิ๊กบอสใหญ่เมืองปราสาทหิน นำเข้านักเตะได้ถูกฝาถูกตัวมากกว่าผิดฝาผิดตัวเหมือนเมื่อก่อน เพราะนอกจากใช้งานได้แล้ว แต่ยังงานดีด้วย

เช่นเดียวกับซีซั่นที่กำลังจะรูดม่าน หลายตัวฟอร์มโหดก่อนมาทั้งนั้น แน่นอนว่า เป้าหมายหลักคือ ต้องการทำผลงานได้ดีในรายการโทรฟี่เอเชียอย่าง เอเอฟซี แชมเปี้ยนลีกส์

1 ในผู้เล่นต่างชาติที่น่าสนใจ ขอยกให้ ‘นีล เอเธอริดจ์’ นายด่านลูกครึ่งชาวฟิลิปปินส์ มิกซ์กับอังกฤษ ที่มีประสบการณ์ระดับสูงบนลีกเมืองผู้ดี อย่างศึกพรีเมียร์ลีก

‘เอเธอริดจ์’ ผ่านการเฝ้าเสาให้กับทั้งเบอร์มิงแฮม ซิตี้ และคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้

ผ่านการฝึกวิทยายุทธ์ในประเทศอังกฤษมาตั้งแต่เป็นเยาวชน จนกระทั่งปัจจุบันอายุอานามปาไป 34 ปี

ด้วยประสบการณ์และความสามารถ ประกอบกับดีกรีอันสูงส่ง เชื่อว่า ‘ปราสาทสายฟ้า’ ไม่ได้ช้อปปิ้งนายทวารรายนี้มา เพียงเพื่ออยู่ในม้านั่งสำรอง คอยแสตนด์บาย ‘เจ้าแชมป์’ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน นายด่านรุ่นเก๋า วัย 40 กระรัต แน่นอน

แต่ผู้บริหารบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด น่าจะตั้งใจดึง ‘เอเธอริดจ์’ มาเป็นนายทวารมือหนึ่งของทีมเลย

แน่นอนว่า ตลอดสิบกว่าปีมานี้ มันไม่มีใครสามารถแย่งตำแหน่งตัวจริงของ ‘ศิวรักษ์’ ได้เลย นายทวารฝีมือดีหลายคนต้องตบยุง เพื่อรอโอกาสที่ริบหรี่

เพราะนานๆ ที ‘ศิวรักษ์’ ถึงจะได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดียวกัน เขายังเป็นนายประตูที่ฟอร์มอาจไม่ได้หวือหวา แต่รักษาความสม่ำเสมอและมาตรฐานตัวเองไว้ได้ตลอด

‘ยศพล เทียงดาห์’ หรือ ‘นพพล ละครพล’ สองนายประตูฝีมือดี วันเดือนปีผ่านพ้น กว่าจะได้ลงสนามสักที สุดท้ายต้องออกไปหาโอกาสนอกอีสานใต้ในฐานะยืมตัวบ้าง ขายขาดบ้าง

แต่กับ ‘เอเธอริดจ์’ แม้อายุจะ 30 กว่าปี แต่เขาคงไม่พึงปรารถนาที่จะลดชั้นมานั่งในม้าสำรอง เพียงเพื่อกินแต่เงินเดือนก้อนโตอย่างเดียว

และถ้า ‘ปราสาทสายฟ้า’ จะหานายประตูสำรองสักคน คงไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินเดือนที่สูงกับ ‘เอเธอริดจ์’ เช่นกัน

มันอาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้ที่ ‘ปราสาทสายฟ้า’ จะเปลี่ยนผู้รักษาประตูหลังใช้ ‘ศิวรักษ์’ มายาวนานถึง 14-15 ปี

แล้ววันนี้ ‘ศิวรักษ์’ อายุ 40 ปีแล้ว ความเหนียว ความเก๋าอาจจะยังมีอยู่ แต่ความปราดเปรียวอาจจะน้อยลงไปกว่าวันวาน

‘เอเธอริดจ์’ อาจจะอายุ 34 ปี แต่สำหรับผู้เล่นในตำแหน่งนี้ ถือว่า ยังคล่องแคล่วว่องไวอยู่

อีกอย่างนายทวารทีมชาติฟิลิปปินส์ มีลูกเก๋าไม่แพ้ ‘ศิวรักษ์’ ไม่ได้เป็นดาวรุ่งเพื่อมาทดลองใช้งาน ฉะนั้น ฤดูกาลนี้อาจจะได้เห็น ‘เจ้าแชมป์’ อยู่ในม้านั่งสำรอง ซึ่งเป็นภาพไม่ชินตาของพวกเรา

‘เอเธอริดจ์’ จะหลุดไปนั่งสำรองต่อเมื่อ ทำผลงานได้ไม่เท่ากับตอน ‘ศิวรักษ์’ ยืนเฝ้าเสาเท่านั้น

รอดูฟอร์มนายประตูดีกรีโหดๆ กัน.

_____________
เรียบเรียงโดย : วนิลาสกาย
ขอบคุณภาพ : เพจ BURIRAM UNITED