‘ชลบุรี’ กับสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย 6 นัดที่มีแต่เกมยาก

DST.Special Report : ‘ถ้วยแชมป์’ อย่างเป็นทางการใบสุดท้ายที่ ‘ฉลามชล’ ชลบุรี เอฟซี เคยสัมผัสครั้งล่าสุด เกิดขึ้นเมื่อปี 2559 โดยเป็นแชมป์เอฟเอคัพ

โดยครองแชมป์ร่วมกับ ราชบุรี เอฟซี-ชัยนาท ฮอร์นบิล-สุโขทัย เอฟซี เนื่องจากมีเหตุต้องตัดจบ เพราะเหตุการณ์สำคัญในประเทศ

ส่วนแชมป์ลีกสูงสุด ‘ฉลามชล’ เข้าใกล้มากที่สุดคือ ฤดูกาล 2557 ซึ่งจบอันดับ 2

ขณะที่ถ้วยลีกสูงสุดครั้งสุดท้ายที่ได้คือ 17 ปีที่แล้ว ในฤดูกาล 2550

อันดับที่แย่ที่สุดในตารางคะแนนไทยลีก ตอนจบฤดูกาลคือ อันดับ 12 ซึ่งเกิดขึ้นในฤดูกาล 2563-2564

ซึ่งเป็นการอยู่เกินจากอันดับ 10 เป็นครั้งแรกของสโมสร โดยต่อให้ฟอร์มแย่แค่ไหน แต่จบในอันดับเลขตัวเดียวมาโดยตลอด

ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบัน ‘ฉลามชล’ จมปลักอยู่ที่อันดับ 13 ใกล้ๆ บริเวณที่พวกเขาจบในฤดูกาล 2563-2564

เพียงแต่ขณะนี้ฤดูกาลยังไม่จบสิ้น โดยยังเหลือเกมการแข่งขันอีก 6 เกม

ขณะเดียวกัน ‘ฉลามชล’ มีแต้มเหนือกว่าโซนตกชั้นเพียง 2 คะแนน

แต่ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาจะสบายใจได้ เพราะ 2 ใน 3 ทีมโซนตกชั้น ฟอร์มกำลังดีวันดีคืน ในขณะที่อดีตแชมป์ลีกสูงสุดปี 2550 ยังฟอร์มหกคะเมนตีลังกาอยู่ ล่าสุดโดนราชบุรี เอฟซี บุกมาปราบคาบ้าน 0-1

แม้พวกเขาจะเป็นทีมขนาดใหญ่และมีประสบการณ์มากมายบนลีกสูงสุดของประเทศ แต่สถานการณ์ปัจจุบันที่เป็นอยู่ ทำให้แฟนบอลชลบุรีหลายคนรู้สึกวิตกกังวลอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยกับการดิ้นรนหนีตกชั้น กอปรกับขุมกำลังของทีมชุดปัจจุบันที่ส่วนใหญ่เป็นวัยห้าวเป้ง

เรื่องประสบการณ์-อารมณ์-แพสชั่น เป็นสิ่งที่หลายคนรู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก

แม้ในเกียรติประวัติสโมสรจะไม่เคยร่วงตกชั้นมาก่อน แต่อย่าลืมว่า บนโลกใบนี้มักเกิดสิ่งแรกหรือครั้งแรกได้อยู่บ่อยๆ

‘ยักษ์ใหญ่’ สามารถล้มได้

ขณะที่โปรแกรม 6 นัดสุดท้ายของ ‘ชลบุรี’ ล้วนเป็นเกมใหญ่และยากทั้งสิ้น

พวกเขาจะได้เล่นในบ้าน 3 นัด และนอกบ้าน 3 นัด

โดยวันที่ 20 เม.ย.นี้ จะบุกไปเยือน บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ทีมบนหัวตารางที่แน่นไปด้วยดาวเตะชั้นยอด จากนั้นวันที่ 27 เม.ย. จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของนครปฐม เอฟซี ที่ฟอร์มหลุดๆ ในพักหลัง ซึ่งชลบุรี เอฟซี ต้องเอา 3 แต้มให้ได้ในเกมนี้

วันที่ 5 พ.ค. จะเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อเจอกับการท่าเรือ เอฟซี ที่ยังขอพื้นที่เล็กๆ ในการลุ้นแชมป์ ซึ่งเป็นเกมที่ยากมาก ถัดจากนั้นวันที่ 12 พ.ค. จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ ประจวบ เอฟซี ภายใต้การคุมทีมของ ‘โค้ชเตี้ย’ สะสม พบประเสริฐ ที่กำลังเดินหน้าเปิดปฏิบัติการหนีตกชั้น แบบได้ลุ้น เกมนี้มีผลกับทั้งสองทีมอย่างมาก

เสร็จแล้ว วันที่ 18 พ.ค. จะเข้าเมืองกรุงอีกครั้ง ทำศึกเอลกลาซิโกเมืองไทย กับเมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ฟอร์มกำลังเข้าฝักดีนักแล ก่อนจะปิดฤดูกาล ด้วยการเล่นในบ้านเจอกับตราด เอฟซี ทีมที่หนีตกชั้นเช่นเดียวกัน

มองดูแล้วไม่มีเกมไหนง่ายเลย ทางเดียวที่พวกเขาจะหายใจหายคอได้มากขึ้นคือ เกมในบ้านตัวเองที่จะต้องไม่ทำแต้มเรี่ยราดอีกต่อไป

ไม่เช่นนั้น สิ่งใดที่มันไม่เคยเกิดขึ้นมันอาจจะเกิดขึ้นได้! .

___________
เรียบเรียงโดย : วนิลาสกาย
ขอบคุณภาพ : เพจ Chonburi Football Club