
ณรงค์ชัย วชิรบาล จาก “จอมทัพ” สู่ “แม่ทัพ”
DST.Special Report : จากประสบการในระดับนักเรียนกับ กรุงเทพคริสเตียน ก่อนเดินทางสู่ถนนฟุตบอลอาชีพกับ บีอีซี เทโรศาสน, การไฟฟ้าฯ, เพื่อนตำรวจ และ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จากนั้นจึงหันหลังให้วงการฟุตบอลอาชีพ และมุ่งสู่เส้นทางผู้ฝึกสอน
“ตั้ม” ณรงค์ชัย วชิรบาล กองกลางจอมคลาสสิก แข้งรายนี้คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณอะไรให้มากความ เพราะเจ้าตัวถือเป็นอีกหนึ่งนักเตะเจ้าพ่อลูกนิ่งที่ดีที่สุดของวงการฟุตบอลไทย
ปัจจุบันในวัย 39 ปี “ตั๋ม” ณรงค์ชัย เดินหน้าทำตามความฝันของตัวเองอย่างจริงจัง ด้วยการเข้าร่วมการอบรมหลักสูตร AFC ‘B’ Certificate Coaching Course ในโครงการพิเศษ “เพื่อฟุตบอลไทย เราไปด้วยกัน” ณ ศูนย์พัฒนาศักยภาพกีฬาฟุตบอลฯ ม.กรุงเทพธนบุรี
กับเป้าหมายบนเส้นทางผู้ฝึกสอน ณรงค์ชัย เล่าให้ฟังว่า “การเข้าร่วมอบรมครั้งนี้ เพื่อนำความรู้มาพัฒนาเรื่องการฝึกสอนเด็กให้เป็นระบบและถูกต้อง ให้กับเด็กๆ ในอคาเดมีที่สอบอยู่ เมื่อมีโอกาสจึงตัดสินใจเรียนต่อในระดับ บี ไลเซนส์ ผมคิดว่าฟุตบอลในปัจจุบันแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก ทุกอย่างมันไปเร็ว เราต้องอย่าหยุดพัฒนาทั้งในฐานะนักฟุตบอล หรือ การเป็นผู้ฝึกสอนก็เช่นกัน”

เมื่อย้อนความคิด มองมุมต่างระหว่าง นักเตะ กับ โค้ช “อดีตกองกลางหมายเลข10ทีมชาติไทย” บอกว่า ตอนเป็นนักเตะเล่นให้เสร็จ จบๆไป แต่โค้ชมันไม่ใช่แล้ว เพราะต้องวางแผนล่วงหน้า ทั้งการฝึกซ้อม การวางแผน และการแก้เกม มันมีรายละเอียดที่ต้องลงลึกและยากมากกว่าการเป็นนักเตะ
ส่วนในอนาคตจะต่อยอดไปถึงการเรียนโปร ไลเซนส์ หรือไม่ “โค้ชตั้ม” บอกว่า รอดูอนาคตอีกที กับวันนี้ที่มีโอกาสเรียน บี ไลเซนส์ จะนำไปประยุกต์ใช้สอนน้องๆ ในอคาเดมี
กับแนวทางการทำทีม สไตล์ โค้ชตั้ม นั้น บอกได้ว่า เน้นเกมรุก

สำหรับ ผู้ฝึกสอนที่จบหลักสูตรระดับ “บี ไลเซนส์” จะสามารถทำหน้าที่ในระดับอาชีพ อาทิ การเป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอนในระดับ โตโยต้า ไทยลีก (ไทยลีก 1) หรือ การเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ในระดับ M-150 แชมเปี้ยนชิพ (ไทยลีก 2) โดยเมื่อมีประสบการณ์ทำงานครบ 1 ปี ในการทำหน้าที่ สามารถเข้าอบรมหลักสูตรผู้ฝึกสอนในระดับ “เอ ไลเซนส์” หรือ AFC ‘A’ Certificate Coaching Course ได้ต่อไป.
___________
ขอบคุณภาพ FA Thailand