- Home
- Special Report
- ไทยลีก 2019 จาก ‘แชมป์’ ถึง ‘บ๊วย’ และ ‘ช่องว่าง’ ที่น้อยลง
ไทยลีก 2019 จาก ‘แชมป์’ ถึง ‘บ๊วย’ และ ‘ช่องว่าง’ ที่น้อยลง
DST.Special Report : นับตั้งแต่ปี 2552 ที่ “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี เถลิงแชมป์ลีกสูงสุดเป็นต้นมา ถ้วยรางวัลชนะเลิศถูกสลับไป – มา กันแค่ 2 ทีม ระหว่าง “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
กว่าจะเคลื่อนย้ายถ้วยแชมป์ให้พ้นสัมปทานของ 2 ทีม ให้มาอยู่ที่ดินแดนเหนือสุดของประเทศอย่าง จ.เชียงราย ต้องระยะเวลาถึง 10 ปี
อาจไม่ขอกล่าวถึง สถิติและเกร็ดความรู้ ที่มีการกล่าวถึงและแซ่ซ้องในสารบัญฟุตบอลของเพจต่างๆ เกี่ยวกับ “แชมป์ป้ายแดง” อย่าง “กว่างโซ้งมหาภัย” เชียงราย ยูไนเต็ด ไปแล้ว
แต่จะขอพูดถึงภาพรวมของไทยลีก 1 ในฤดูกาล 2019 ที่เพิ่งผ่านพ้น
เริ่มตั้งแต่การลดจำนวนทีมลงให้เหลือ 16 ทีม แม้ช่วงแรกๆ อาจจะมีคนบ่นพรึมพรำกันอยู่บ้างว่า น้อยเกินไปหรือไม่ แต่ผลลัพธ์มันสะท้อนให้เห็นออกมาแล้วว่า “ถูกต้อง” มากกว่า “คิดผิด”
ผลสัมฤทธิ์ที่แฟนบอลได้รับคือ “คุณภาพ” (ยกเว้นกรรมการ) ของเกม ทีมเล็ก ทีมใหญ่ สู้กันได้หมด ความเหลื่อมล้ำที่เคยมีค่อยๆ ลดช่องว่าง
การก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์ของ “เชียงราย ยูไนเต็ด” คือ หลักฐานชิ้นหนึ่งจากทั้งหมด
หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีใครคิดว่า “ปราสาทสายฟ้า” จะทำหมูหกในนัดสุดท้าย แต่มันเกิดขึ้นแล้วในเกมที่ชี้เป็น – ชี้ตาย เมื่อพวกเขาทำได้แค่เสมอกับ “พยัคฆ์ล้านนา” เชียงใหม่ เอฟซี ทีมอันดับบ๊วย ที่ตีตั๋วไปเที่ยวทั่วไทยเรียบร้อยแล้ว
“เชียงใหม่” แสดงให้เห็นถึงสปิริต! แม้ไม่มีหวังใดๆ
“เชียงราย ยูไนเต็ด” ที่ยืนระยะไม่ได้ ผลุบโผล่ๆ อยู่ในตำแหน่งจ่าฝูง สะดุดในนัดสำคัญ กลับมาเถลิงบัลลังก์แชมป์ในบั้นปลาย
ไม่มีทีมแจกแต้ม ไม่มีหมูให้เชือด นี่คือ ภาพรวมฤดูกาล 2019
หากที่กล่าวมาคือ “นามธรรม” งั้นลองเลี้ยวไปมอง “รูปธรรม” ที่จับต้องได้อย่าง “ตารางคะแนน”
“เชียงราย ยูไนเต็ด” แชมป์ไทยลีก 1 มี 58 แต้ม มากกว่า “เชียงใหม่ เอฟซี” อันดับสุดท้ายของตารางคะแนนเพียง 30 แต้มเท่านั้น
ในขณะที่ฤดูกาล 2018 ตอนไทยลีก 1 มี 18 ทีม “บุรีรัมย์” ในฐานะแชมป์มีถึง 87 คะแนน ห่างจากอันดับสุดท้ายอย่าง “แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี” ที่ได้เพียง 16 คะแนน ถึง 71 คะแนน
5 ทีมที่ตกชั้นในปีที่แล้ว ได้แก่ บางกอกกล๊าส เอฟซี, โปลิศ เทโร, ราชนาวี, อุบล ยูเอ็มที และแอร์ฟอร์ซ ทำคะแนนได้ไม่ถึงครึ่งของทีมแชมป์อย่าง “บุรีรัมย์” โดย “บีจี” ทำได้ 42 คะแนน
ส่วนรองแชมป์อย่าง “ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด” มีระยะห่างกับทีมแชมป์ถึง 16 คะแนน
กลับไปที่ปีนี้ “แชมป์” กับ “รองแชมป์” มี 58 แต้มเท่ากัน แต่ “เชียงราย” ได้ถ้วยเพราะ “เฮดทูเฮด” เหนือกว่า
3 ทีมตกชั้นในปี้นี้ ไม่ได้มีแต้มที่ขี้ริ้วขี้เหร่เลย และพวกเขาทำมันได้ดีต่อให้ฉากจบจะไม่น่าโสภาเท่าไหร่ก็ตาม โดย สุพรรณบุรี เอฟซี มี 32 คะแนน ชัยนาท ฮอร์นบิล มี 30 คะแนน และเชียงใหม่ เอฟซี มี 28 คะแนน
สุพรรณบุรี ที่ตกชั้นมีแต้มน้อยกว่าแชมป์ 26 คะแนนเท่านั้น
ไม่มากไม่น้อย แต่กำลังพอดี ชี้วัดถึงคุณภาพของลีกที่ยกระดับขึ้นมา
ขณะเดียวกัน ในปีนี้จะเห็นว่า เกิดเหตุการณ์ล้มยักษ์บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นฟอร์มของชัยนาท ฮอร์นบิล ในเลกแรก ที่ไล่ตบทีมใหญ่ ทั้งบุรีรัมย์ แบงค็อก เมืองทอง และชลบุรี
หรือเมืองทอง ที่เกือบเอาตัวไม่รอดในเลกแรก ต้องผ่าตัดทีมครั้งใหญ่กลางศึกเพื่อกู้วิกฤติ จนฟื้นกลับมาได้
ถือเป็นฤดูกาลที่สนุก และมีพัฒนาการเด่นชัด
ยกเว้น “กรรมการ” ที่ต้องสังคายนากันใหม่ เพราะต่อให้ทีมต่างๆ พัฒนาแค่ไหน แต่หากมาตรฐานในการเป่านกหวีดยัง “ท็อปฟอร์ม” จนเด่นเกินนักเตะในสนามแบบนี้ การพัฒนาลีกจะไปไม่สุด.
____________
เรียบเรียงโดย : วนิลลาสกาย
ขอบคุณภาพ : เพจ Chiangmai Football Club, BURIRAM UNITED, Chiang Rai United FC
ติดตามช่องทางข่าวสาร-เสนอแนะ ติชม และร่วมกิจกรรมสนุกๆ กับเราได้ที่…
Fb : www.facebook.com/dailysoccerthailand
Twitter : dailysoccer2017
IG : dailysoccerthailand
Line : @dailysoccerth
Website : http://dailysoccer.in.th