- Home
- Special Report
- ปฏิบัติการเช็ดน้ำตา ‘มาดาม’/บุรีรัมย์สถิติข่มมิด
ปฏิบัติการเช็ดน้ำตา ‘มาดาม’/บุรีรัมย์สถิติข่มมิด
DST.Special Report : เข็มสั้นชี้เลข 7 เข็มยาวชี้เลข 12 ของค่ำวันที่ 16 มิถุนายน ณ สนามกลางเมืองหลวง ย่านคลองเตย คือ สถานที่ “ฎีกา” ว่า แชมป์เลกแรกนี้จะตกเป็นของใคร ระหว่าง “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซี จ่าฝูง และ “ปราสาทสายไฟฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รองจ่าฝูง
โดยก่อนเสียงนกหวีดที่แพท สเตเดี้ยม ในวันอาทิตย์นี้จะกังวานขึ้น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพิ่งจะทำแต้มไล่จี้ การท่าเรือ เอฟซี จนเหลือช่องว่างเพียง 2 แต้ม หลังเปิดบ้านถล่ม “พลังเพลิง” พีทีที ระยอง จนกลับสวนผลไม้ไม่ถูก 5 – 0
นี่ถือเป็นอีกหนึ่ง “บทพิสูจน์” และ “ด่านสำคัญ” ของแข้งสิงห์เจ้าท่า สำหรับการเขย่าทำเนียบแชมป์ไทยลีก หลังครึ่งทางแรกของซีซั่น ทำผลงานได้คงเส้นคงวา จนสถาปนาตัวเองเป็นทีมลุ้นถ้วยใบใหญ่ภายในประเทศ
แม้ช่วงกิโลเมตรแรกของฤดูกาล “ปราสาทสายฟ้า” จะทำผลงานได้ไม่ค่อยดุดันอย่างที่ “เนวิน ชิดชอบ” อยากให้เป็น แต่บุรีรัมย์คือบุรีรัมย์ ต่อให้เป็นช่วงฟอร์มออกอ่าวไทย ก็อันตรายเสมอ
ขณะเดียวกัน เกมปราบ “พลังเพลิง” แม้อาจจะทำให้เรี่ยวแรงหายไป เมื่อเทียบกับการท่าเรือที่ได้พักยาวหน่อย แต่สิ่งที่ลูกๆ ของ “เนวิน” ได้มาคือ ความมั่นใจอันเต็มเปี่ยม
การโคจรมาเจอกัน ในนัดสุดท้ายของเลกแรก มิหนำซ้ำยังเป็นการชี้ชะตา “จ่าฝูง” ก่อนปิดเทอมแรก เพื่อไปปรับจูนทีมรอเปิดภาคฟาดแข้งในเทอม 2 จึง “ถูกที่ ถูกเวลา”
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งคู่ยังอยู่ในช่วงมีความพร้อม และความมั่นใจสูงเกินมาตรวัด ทำให้การละเลงเพลงแข้งบนฟลอร์หญ้าแพท สเตเดี้ยมต้องลุกเป็นไฟ
สำหรับ “ท่าเรือ” และ “บุรีรัมย์” นั้น ในพงศาวดารลูกหนังไทย ไม่พบการเป็นอริราชศัตรูต่อกัน โดยจากการเจอกันบนลีกสูงสุด 3 ฤดูกาลหลังสุด ปรากฏว่า สถิติของทีมจากดินแดนอีสานใต้เหนือกว่า โดย 6 นัด ชนะไปได้ 4 เกม และเสมอ 2 ครั้ง ขณะที่ทีมจากซุ้มคลองเตยยังไม่พบชัยชนะ
โดยฤดูกาล 2558 เลกแรก บุรีรัมย์ ชนะ การท่าเรือ 2-0 ส่วนเลกสอง การท่าเรือ แพ้ บุรีรัมย์ 1-5 ซึ่งทำให้ “สิงห์เจ้าท่า” ต้องหล่นทรุดลงไปเล่นในลีกพระรอง
หลังทยานกลับขึ้นมาในปี 2560 เลกแรก การท่าเรือ ยันเสมอ บุรีรัมย์ได้ 0-0 ส่วนเลกสอง บุรีรัมย์ เฉือนไปได้ การท่าเรือ 1-0 ขณะที่ปีที่แล้ว เลกแรก บุรีรัมย์ ชนะ การท่าเรือ 3-1 ขณะที่เลกสอง การท่าเรือ เปิดบ้านเสมอ บุรีรัมย์ได้ 2-2
แต่นั่นเป็นสถิติ คงมิอาจเป็นบัญญัติไตรยางศ์ที่จะนำมาใช้ได้ในการเจอกันครั้งนี้ เพราะตัวกุนซือ ผู้เล่น และสถานการณ์ของทีมผันเปลี่ยนไปแล้ว และที่สำคัญ ต่างฝ่ายต่างมีความ “มั่นใจ”
“ปีที่แล้วเรามีปัญหาตัวผู้เล่นบาดเจ็บ และบางคนโดนแบน และขุมกำลังทดแทนยังไม่ดีเหมือนปีนี้ ทำให้ไม่พร้อมนักตอนเจอกับบุรีรัมย์ แต่ปีนี้ ผู้เล่นของเราพร้อมแล้ว และหวังว่าเราจะทำผลงานได้ตามเป้าหมายนั่นคือ ได้ผลการแข่งขันที่น่าพอใจสำหรับเรา” เดอะ เมจิก เซร์คิโอ ซัวเรซ แสดงความมั่นใจที่พุ่งพล่าน หลังถูกถามเรื่องสถิติที่เป็นรอง
ขณะที่ “นายใหญ่บุรีรัมย์” ก็หมายมั่นปั้นมือ ปลุกเร้าระดมพลังลูกทีม เพื่อจะลงมือปฏิบัติการปาดหน้าเค้กในโค้งสุดท้ายของเลกแรกแล้วไปยิ้มมุมปากอยู่บนตำแหน่ง “จ่าฝูง” ในช่วงปิดเทอมเล็ก
“เกมนี้เป็นเกมที่สำคัญสำหรับเรา ถ้าเราชนะท่าเรือเราก็จะจบด้วยการเป็นจ่าฝูงของของเลกแรก ซึ่งเราต้องชนะ และเราต้องทำให้ได้”
หากจะหยิบยกเหตุการณ์สำคัญระหว่างทั้งสองทีม ประเภทร่างกายต้องการปะทะไม่ค่อยเกิดขึ้น แต่ถ้าบอกว่า มีอดีตที่ไม่ดีจารึกไว้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง คงเป็น “ท่าเรือ”
มูลวอล์คเข็มนาฬิกากลับไปฤดูกาล 2558 มันไม่ใช่ปีที่น่าจดจำของพวกเขานัก หลังต้องดิ้นรนหนีตกชั้นตลอดทั้งฤดูกาล
กระทั่งนัดสุดท้ายของลีก นักเลงคลองเตยที่ต้องการต่อลมหายใจบนลีกสูงสุด ต้องปะทะกับ “บุรีรัมย์” ว่าที่แชมป์ในตอนนั้นที่ต้องการสร้างสถิติ “ไร้พ่าย” ซึ่งเหลือด่านเดียวคือ “ท่าเรือ”
เกมวันนั้น “ปราสาทสายฟ้า” ไล่ถลุงเจ้าบ้านไป 5-1 ส่งผลให้ต้องดิ่งพสุธาไปสู่ลีกพระรองอย่างเป็นทางการ แน่นอนว่า ควรปรบมือให้บุรีรัมย์ที่แสดงสปิริตไม่อ่อนข้อ สมกับเป็นมืออาชีพ แต่สำหรับ “ท่าเรือ” มันเป็นค่ำคืนที่โหดร้ายและต้องผ่านพ้น
ภาพ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายหญิงของท่าเรือ ยกมือไหว้ขอโทษและขอบคุณแฟนๆ รอบแพท สเตเดี้ยม พร้อมกับหยาดน้ำตาที่อาบสองแก้ม ยังคงตราตรึง
มันอาจไม่ใช่ “ความแค้น” แต่มันเป็นความขมขื่นที่ไม่น่าจดจำเสียเท่าไหร่
บางที เราอาจได้เห็นขุนพลสิงห์เจ้าท่าพร้อมใจปฏิบัติการ “เช็ดน้ำตามาดาม” เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2558 ด้วยการปิดโป้งบัญชีในนัดนี้ เพื่อรักษาตำแหน่ง “จ่าฝูง”
หรืออาจจะเป็น “บุรีรัมย์” ที่ต้องการจะเก็บน้ำตา “มาดาม” ไม่ให้เหือดแห้งจากแพท สเตเดี้ยมไปอีกนัด
รับประกัน แมตซ์นี้ ไฟลุก.
เรียบเรียงโดย : วนิลลาสกาย
ขอบคุณภาพ : เพจ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, เพจการท่าเรือ เอฟซี