- Home
- Special Report
- ‘ค้างคาวมหากาฬ’ จอมเสมอแห่ง ‘ไทยลีก 3’
‘ค้างคาวมหากาฬ’ จอมเสมอแห่ง ‘ไทยลีก 3’
DST.Special Report : “สนามกลีบบัว” เคยใช้เป็นสังเวียนบนลีกสูงสุดของประเทศมาแล้ว สมัย “ทีโอที” ยังมีชีวิตอยู่ในโลกฟุตบอลอาชีพ
หลังพวกเขาตัดสินใจก้าวเท้าออกจากเมืองกรุง เสาะหาฐานแฟนบอลต่างจังหวัด
“กาญจนบุรี” คือ จังหวัดอดีตยอดทีมแห่งแจ้งวัฒนะ ปักมุดหมายมั่นจะใช้เป็นรังเหย้า หลังพวกเขามีซุปเปอร์สตาร์ที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขในดินแดนน้ำตกเอราวัณนาม “สุเชาว์ นุชนุ่ม” เป็นแม่เหล็ก
ชาวกาญจน์ต้อนรับขับสู้นักเตะของ “ทีโอที” เป็นอย่างดี แต่ความคึกคักที่ “กลีบบัว สเตเดี้ยม” ก็ไม่จีรัง เมื่อสโมสรกับสนามมีปัญหาเรื่องการจัดสรรผลประโยชน์
หลังจากนั้น “กลีบบัว” ก็ถูกใช้เป็นรังของทีมประจำจังหวัดที่โลดโผนอยู่ในลีกล่าง สปอร์ตไลต์ฉายมาไม่ค่อยถึงเท่าไหร่นัก
พอๆ กับทีมฟุตบอลของพวกเขาที่ไม่ฮอตเท่าสะพานข้ามแม่น้ำแคว
กระนั้น สนามสีเหลี่ยมผืนผ้า ที่สามารถมองเห็นได้เวลาขับรถยนต์ผ่านกาญจนบุรี ไม่ได้หลับใหล แต่มันยังมีชีวิตอยู่ ทุกๆ ครั้งที่ “เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด” ทีมจากไทยลีก 3 เปิดบ้านรับคู่แข่งจากแว่นแคว้นอื่น
“ค้างคาวมหากาฬ” ไม่ใช่ทีมน้องใหม่ แต่ผ่านร้อนผ่านหนาว ล้มลุกคลุกคลานเหมือนกับที่สโมสรเล็กๆ อื่นๆ ต้องเผชิญ
ปัจจุบัน เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด โม่แข้งอยู่ในไทยลีก 3 ขณะที่เรื่องผลงานมีความคล้ายคลึงกับค้างคาวรุ่นพี่
อย่าง “ค้างคาวไฟ” สุโขทัย เอฟซี ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันแต่ประการใด แต่บังเอิญว่า ฟอร์มละม้ายคล้ายกันแบบบังเอิญ
ผ่าน 7 นัด ทีมแห่งแม่น้ำแคว แวะจอดอยู่ที่อันดับ 7 ของตารางคะแนน มี 8 แต้ม ชนะ 1 เสมอ 5 และแพ้ 1 นัด ห่างกับจ่าฝูง “ขอนแก่น ยูไนเต็ด” 9 แต้ม
5 นัดแรกของฤดูกาล “ค้างคาวมหากาฬ” อันมีที่มาจาก “ค้างคาวคุณกิตติ” สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่จิ๋วที่สุดในโลก
ซึ่งค้นพบครั้งแรกที่ จ.กาญจนบุรี ไม่ปราชัยให้ใครเลย ทว่า ก็ไม่ชนะใครเหมือนกัน
โดย 5 นัด ที่เสมอ ล้วนเจอกับทีมเกรดเอในลีกทั้งนั้น ได้แก่ อ่างทอง เอฟซี, เชียงราย ซิตี้, แพร่ ยูไนเต็ด, ฉะเชิงเทรา ไฮเทค เอฟซี และขอนแก่น ยูไนเต็ด
หากย้อนกลับไปฤดูกาลก่อนด้วย เชื่อหรือไม่ว่า นี่คือ ทีมที่ “เสมอต้นเสมอปลาย” สร้างสถิติไม่ชนะใคร 16 นัดติด (รวม 5 นัดแรกฤดูกาล 2019)
กระทั่งมา ปลดล็อก ได้สำเร็จในการบุกไปคว่ำสระแก้ว เอฟซี 1-0 ในนัดที่ 6 ของฤดูกาล ซึ่งเหมือนจะสร้างความมั่นใจได้พอสมควรให้กับทีม
แต่แล้วเสียงหัวเราะกลับเป็นของไม่เที่ยง เมื่ออีกนัดต่อมา “ค้างคาวมหากาฬ” ก็ต้องเจอความพ่ายแพ้ครั้งแรกในฤดูกาลเช่นเดียวกัน หลังพ่าย อุบลราชธานี เอฟซี 3-1
แต่ดูเหมือนไม่ใช่ปัญหาอะไร เมื่อจุดที่คิดว่า ตกต่ำสุดมันได้ผ่านพ้นไปแล้ว หากแต่แฟนบอลยังห้อมล้อม พร้อมเป็นลมหายใจให้พวกเขาในสนามกลีบบัวจวบจนปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน ด้วยขุมกำลังในทีม หากปรับจูนกันได้ พวกเขายังมีโอกาสขึ้นไปหายใจบนหัวตารางอยู่เหมือนกัน เมื่อแต้มยังไม่ได้ไกลกันชนิดไม่เห็นรอยฝุ่นหรือหมอกควัน PM 2.5
นักเตะที่น่าจับตาคือ นายทวารอายุครบคัดทหารเกณฑ์ได้ นาม “แสงเพชร ภูคลองโยง” หรือ “เจ้าแสง” ที่โชว์ผลงานเหนียวหนึบราวกับกาวดักหนู
และปฏิเสธไม่ได้ว่า การไร้พ่ายในฤดูกาลนี้มีเด็กน้อยวัย 21 ปี ยืนจังก้าเป็นปราการด่านสุดท้าย
หมอนี้ได้รับคำชมมากมาย ทั้งนักเตะ โค้ช แฟนบอล ตลอดจนสื่อ ยังแอบหวั่นใจเลยว่า ถ้า “เจ้าแสง” ยังเซฟอุตลุดแบบนี้ ในวัยที่เหลืออายุการใช้งานมากโข มันจะไปเตะตาทีมใหญ่เข้าให้ในสักวัน
อีกคนคือ “เจ้าบู” พงษ์สุริยันต์ แอบแฝง ที่หวนคืนถิ่นกลีบบัวอีกครั้ง เขาไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวัง โชว์ผลงานได้โดดเด่น ยิงประตูสำคัญช่วยทีมเสมอ
ผู้เล่นต่างชาติที่สำคัญอีกคนคือ “โอเซอร์ อินอซ” หรือ “เจ้าลุค” ชื่อที่แฟนๆ เรียก ดาวยิงจากกาน่ารายนี้
กลายเป็นความหวังของทีมในการพังสกอร์ หากเพื่อนๆ สามารถสร้างสรรค์โอกาสให้เขาได้
เป็นอีกทีมที่น่าจับตา หากแต่ว่า ต้องหาจุดลงตัวให้เจอ โดยเฉพาะการเลิก “รักเสมอ” มาเป็น “รักชนะ” ให้บ่อยขึ้น
เรียบเรียงโดย : วนิลลาสกาย
ขอบคุณภาพ : เพจ MKFC : แฟนคลับค้างคาวมหากาญจน์, เพจ ANGTHONG FC