ว่าด้วย ‘บอลเพรสซิ่ง’ และ ‘ฉัตรมงคล ทองคีรี’

DST.Special Report : มีการพูดถึง “บอลเพรสซิ่ง” กันจำนวนมาก หลังเกม “นกใหญ่พิฆาต” ชัยนาท ฮอร์นบิล เปิดรังเขาพลอง สเตเดี้ยม ทุบ “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 3 – 0 ซึ่งเป็นการปลดล็อกเก็บชัยชนะนัดแรกของฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ

แน่นอน “เมืองทอง” อาจไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ไฉไลนัก ตลกร้ายกว่ายังถูกค่อนแคะว่าเป็น “นาทีทอง” ของบรรดาคู่แข่งที่จะไล่เก็บแต้มที่ช่วงที่อดีตแชมป์ไทยลีก 4 สมัย กำลังตกต่ำ ราวกับโปรโมรชั่น “แจกแต้ม”

แต่มันคงไม่อาจไม่เอื้อนเอยถึงบอลเพรสซิ่งที่ชัยนาทเล่นในวันนั้นไม่ได้

เพราะมันเป็นสไตล์บอลที่ถูกจริตคนไทยอย่างมาก เหมือนกับที่แฟนบอลแต่ละทีมมักพูด “เล่นให้เต็มร้อย วิ่งให้เต็มที่ แพ้ช่างมัน” นั่นแหละ

บอลเพรสซิ่ง จะบีบพื้นที่ให้คู่แข่งเล่นยาก วิ่งกันตลอด 90 นาที สร้างอรรถรสในการรับชมอย่างมาก แฟนบอลไทยส่วนใหญ่จะชอบฟุตบอลทรงนี้ ประเภทที่เดินอ้อยอิ่งเป็นนายแบบแล้วใช้จังหวะแม้จะได้คะแนนกลับมา แต่ไม่ใช่ “สเปคของคอลูกหนัง” สักเท่าไหร่

ชัยนาทเองทำแบบนี้ทุกนัดมาตั้งแต่เปิดฤดูกาล เพียงแต่พวกเขายังขาดจังหวะสุดท้ายในการจบสกอร์ บอลไม่ค่อยถึงหัว “ริคาร์โด ซานโตส” ที่เป็นอาวุธหนักของทีม มันจึงทำให้หลายนัดที่ผ่านมา พวกเขามักลงเอยแบบเจ็บปวด ด้วยการลงโทษจากฝั่งตรงข้าม

ซึ่งถ้าชัยนาทแก้ตรงนี้ได้ จะกลายเป็นบอลที่น่าดู และเชื่อว่า สาวกนกใหญ่จะไหลเข้าไปในสนามเขาพลอง สเตเดี้ยมมากขึ้น เพื่อสัมผัสกับฟุตบอลแบบเอนเตอร์เทน ไม่ชวนอ้าปากหาว

ที่กล้าพูดแบบนั้น เพราะหลายนัดที่ติดตามชมเกมของชัยนาท เคยเป็นห่วงว่า วิ่งบดขยี้กันตั้งแต่ต้นเกม สภาพร่างกายช่วงท้ายเกมจะไหวหรือเปล่า

เพราะมันเสี่ยงที่ฝ่ายตรงข้ามจะฉกฉวยโอกาสมาเป็นฝ่ายบดขยี้แทน ตอนนักเตะนกใหญ่น้ำมันหมด

แต่หาได้เป็นเช่นนั้น เด็กๆ ของ “เดนิส อมาโต” ม่ได้เป็นอย่างที่ปรามาสไว้ พวกเขาใส่สุดยันสิ้นเสียงนกหวีดจบเกม อาจมีบ้างที่บางคนตะคริวถามหา แต่ผู้เล่นที่ถูกส่งลงมาแทนที่ก็เป็นพวกบ้าพลัง คึกราวกับได้พลังงานจากอินฟินิตี้ สโตน

โจทย์ของชัยนาทจากนี้คือ เล่นดีแล้วต้องมีประตูให้ได้ โดยเฉพาะจังหวะสุดท้ายที่ต้องไปเหลาให้แหลมคมกว่านี้ กับอีกจุดคือ อาการ “กรอบ” ของนักเตะที่มันจะไปสำแดงเดชตอนครึ่งฤดูกาลหลัง จากการกรำศึกและใช้พลังงานเต็มพิกัด ซึ่งหลายทีมในยุโรปที่ใช้บอลเพรสซิ่ง มักจะประสบปัญหาฟอร์มแผ่ว

บอลเพรสซิ่ง ต้องมีขุมกำลังที่ทดแทนกันได้แบบไม่ห่างกันมากกับผู้เล่นตัวหลัก ตัวจริงและตัวสำรองนอกจากแทนที่กันได้ในแง่ของพละกำลัง ฝีมือต้องใกล้เคียงกันพอสมควร

จากเกมที่ชัยนาทเอาชนะเมืองทอง อีกเรื่องที่ต้องพูดถึงคือ ดวงดาวในทัพนกใหญ่จรัสแสงกันหลายคนทั้งที่อายุยังน้อย วันนั้นแม้ “ธีรัตน์ นาคชำนาญ” จะได้แมน ออฟ เดอะ แมตซ์ หรือ สุขพร วงศ์เชียงคำ จะทำประตูสุดสวย

แต่ส่วนตัวชอบการคุมจังหวะและไล่ตัดเกมในแดนกลางเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ “เจ้าฉัตร” ฉัตรมงคล ทองคีรี น้องบ่าวจากสงขลา ยูไนเต็ด ในวัย 21 ขวบ

“เจ้าฉัตร” ปิดเกมตรงกลางของเมืองทองหยุดสนิท นอกจากนี้ยังเคลื่อนที่ โฮลบอลไปซ้ายไปขวา ได้แบบเนียนตา ทำให้แฟนๆ นกใหญ่คลายความกังวลในการขาดจอมทัพอย่าง “กอร์กา อุนด้า” ที่ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บไปได้ระดับหนึ่งทีเดียว

ในช่วงแรกๆ ยังแอบสงสัยทำไม “อมาโต” ชอบส่งเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้ที่ปีก่อนยังเล่นไทยลีก 3 กับเจ แอล เชียงใหม่ อยู่เลยนัก รูปร่างก็ไม่ได้สูงใหญ่ ออกจะตัวเล็กเสียด้วยซ้ำ แต่เกมกับกิเลนผยอง ทำให้ถึงบางอ้อว่า ทำไม!

“โค้ชโชค” โชคทวี พรหมรัตน์ เคยเอ่ยปากชมหมอนี่ ตอนที่คุมเชียงใหม่ เอฟซี พบกับกระบี่ เอฟซี ในเลกแรกปีก่อนว่า “ผมบอกเลย ฉัตรมงคล คือนักเตะไทยที่เล่นได้ดีที่สุดในวันนั้น ต้องให้เครดิตน้อง มีดาวดวงใหม่ขึ้นมาแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ไม่ได้เยินยอ ทุกคนเห็นแล้วว่า น้องสามารถยืนได้จริง”

สำหรับ “เจ้าฉัตร” นั้น ย้ายมาจากเจ แอล เชียงใหม่ หลังพาทีมเลื่อนขึ้นไทยลีก 2 ได้สำเร็จ ขณะที่ก่อนหน้านั้น เริ่มเล่นกับทีมบ้านเกิดสงขลา ยูไนเต็ด ในชุดโค้กคัพ ก่อนจะเริ่มต้นอาชีพนักเตะกับ ภูเก็ต เอฟซี และถูก บางกอกกล๊าส เอฟซี ดึงตัวมาร่วมทีมในเวลาต่อมา

ฤดูกาล 2018 ในเลกแรกเจ้าตัวย้ายมาอยู่กับ เชียงใหม่ เอฟซี ก่อนที่ในเลกที่สองจะถูกปล่อยให้กับ เจแอล เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ไปใช้งาน กระทั่ง “อมาโต้” แสดงความต้องการให้มาสวมยูนิฟอร์มสีชมพูในปี 2019

คงต้องจับตาหมายเลข 22 คนนี้ดู เชื่อว่า ถ้าคนใช้งานเป็น ผลักจุดเด่นในตัวออกมาได้ เขาไปได้ไกลกว่านี้แน่.

เรียบเรียงโดย : วนิลลา สกาย
ขอบคุณภาพ : เพจ Chainat Hornbill Football Club