- Home
- Special Report
- 3 โค้ชที่เหมาะกับ ‘เพลิงหมาแหงน’ มากกว่า ‘คฤหาสน์’
3 โค้ชที่เหมาะกับ ‘เพลิงหมาแหงน’ มากกว่า ‘คฤหาสน์’
DST.Special Report : บางคนบอกไม่เหนือความคาดหมาย บางคนค่อนแคะว่าแวะมาช็อปของที่เอาต์เล็ท บางคนเยาะเย้ยว่าแค่มาเที่ยว
แต่ไม่ว่าอย่างไร “ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก” ยังคงเป็น “ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก” อยู่วันยันค่ำ
“โค้ชเบ๊” ยังคงยึดคติและแนวทางเดิมคือ เมื่อเขาไม่สามารถพาทีมบรรลุเป้าหมาย อย่างที่ผู้ว่าจ้างต้องการ
เขาพร้อมเก็บข้าวเก็บของเพื่อแสดงความรับผิดชอบ โดยไม่ต้องมีใครมาบีบหรืออัญเชิญ
5 นัด ในการคิด กลศึกลูกหนัง ของ “ขงเบ้ง” สัญชาติไทย มันไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เท่าไหร่นัก หากแต่บนความคาดหวังสำหรับทีมชั้นนำอย่าง “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่บอกว่า เสกเงิน 400 ล้านบาทให้ทำทีมมันไม่เพียงพอ
เชื่อเถอะว่า “โค้ชเบ๊” ที่ผ่านการคุมทีมชั้นนำในไทยลีก รู้ว่าแฟนบอลแต่ละทีมคาดหวังอะไรจากเขา จึงไม่แปลกหรอกที่แต่ละครั้ง เขาไม่รอให้ใครมาไล่ แต่ไปเอง
ใครหัวเราะเยาะอย่างไร แต่เรื่องหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ ความเป็นลูกผู้ชาย จริงมั้ย!?!
อย่างไรก็ดี กรณี “โค้ชเบ๊” คงเป็นอีกครั้งที่ตอกย้ำว่า โค้ชบางคนไม่ได้เหมาะกับการคุมทีมใหญ่เสมอไป
บางคนอาจจะทำทีมขนาดเล็กที่มีทรัพยากรจำกัด หรือทีมที่กำลังดิ้นรนหนีตกชั้นได้ดี จนหลายครั้งถึงกับพูดว่า ถ้ามีทุนหนาๆ ให้ทีมน่าจะไปโรจน์
“เมืองทอง” ตอนดึง “โค้ชเบ๊” มาก็คงอยากจะลองทฤษฎีนั้นเหมือนกัน หลังควักกระเป๋าเสียเงินจ้างโค้ชต่างชาติมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่ผลลัพธ์ไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าไหร่
ขณะที่ “โค้ชเบ๊” แม้จะว่างงานก็คงจะไม่นาน ตราบใดที่เครื่องหมายการค้าของอดีตทีมชาติไทยรายนี้ ไม่ใช่ถ้วยแชมป์ แต่คือ การพาทีมหนีตกชั้นรอดขุมนรกครั้งแล้วครั้งเล่านับไม่ถ้วน
ไม่ว่าจะเป็นโอสถสภา, สระบุรี เอฟซี, สุโขทัย เอฟซี เรื่อยไปถึงสุพรรณบุรี เอฟซี “โค้ชเบ๊” ลงไปซ่อมบำรุงในระยะเวลาจำกัดจนอยู่รอดปลอดภัยมาแล้วทั้งนั้น
สถานการณ์ 5 นัด อาจยังทำให้ทีมโซนล่างไม่ค่อยพะวงจะต้องหาโค้ชใหม่มากู้วิกฤต แต่อีกระยะหนึ่งเมื่อเค้าลางว่า สภาพทีมร่อแร่ “การ์ดโค้ชเบ๊” จะเป็นตัวเลือกแรกๆ ให้ทีมเหล่านั้นชะม้อยตามองชายผมน้อยผู้นี้
พูดถึง “โค้ชเบ๊” แล้วต้องนึกถึง “โค้ชฉ่วย” สมชาย ชวยบุญชุม ขงเบ้งรุ่นลายครามสัญชาติสยาม เป็นกุนซือสไตล์เดียวกันที่มักจะทำทีมเล็กๆ และทีมหนีตกชั้นได้สะเด่า
โดยเฉพาะเมื่อครั้งกุมทีมแห่งแดน ปลาทูหน้างอคอหัก นอกจากทรัพยากรจะน้อย แต่ต้องใช้คำว่า ขนาดแคลน
แต่บุรุษผู้นี้ ประคองให้ทีมเก่าแก่ตั้งแต่โปรวินเชียนลีกที่หายใจโรยรินฤดูกาลแล้วฤดูกาลเล่ายังคงโลดแล่นอยู่บนลีกสูงสุดของประเทศ
แต่เมื่อถึงวันที่ “โค้ชฉ่วย” ไปคุมทีมใหญ่ๆ อย่างการท่าเรือ เอฟซี ที่มีนักเตะให้เลือกสรร กับเม็ดเงินให้จับจ่ายอย่างมหาศาล กลับไม่สามารถสำแดงเดชได้อย่างที่สโมสรตั้งเป้าหมาย จนสุดท้ายก็ต้องเซย์ “กู๊ดบาย”
ทว่าในปัจจุบัน “โค้ชฉ่วย” กลับกำลังพาทีม “ศรีสะเกษ เอฟซี” เฉิดฉายในลีกพระรองจนทะยานอยู่ไปบนหัวตาราง หลังฤดูกาลก่อนเข้าไปวางรากฐานเตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว
คล้ายกับ “โค้ชหนุ่ย” เฉลิมวุฒิ สง่าพล ที่วนเวียนอยู่กับทีมระดับเล็ก และมักถูกรุมจีบจากทีมหนีตกชั้นเสมอ “ค้างคาวไฟ” สุโขทัย เอฟซี เมื่อปีก่อนคือ ผลงานอีกชิ้นที่พิสูจน์ว่า เขามีดีพอในการพาทีมอยู่รอด หลังทีมภาคเหนือตอนล่างไปเกี้ยวมาท้ายฤดูกาลเพื่อต่อชีวิต
สมัยคุมโอสถสภา “โค้ชหนุ่ย” ก็พาทีมโลดแล่นได้ด้วยงบประมาณจำกัด กับนักเตะเดิมๆ หรือการคุมทีมศรีสะเกษ เอฟซี เมื่อปี 2014 – 2016 ก็เป็นผลงานที่ไม่ธรรมดา
บางทีพวกเขาเหล่านี้ ก็อาจถูกโฉลกกับการรับบท “หน่วยกู้ภัย” มากกว่าการเสกแชมป์
หรืออาจเหมาะกับพื้นที่แคบๆ พอตัวอย่างบ้าน “เพลิงหมาแหงน” มากกว่า “คฤหาสน์” ที่ใหญ่โต.
ขอบคุณ สโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด, อยุธยา ยูไนเต็ด, ศรีสะเกษ เอฟซี
เรียบเรียงโดย : วนิลลาสกาย