- Home
- Special Report
- ปี 2017 พวกเขาคือ ทีมที่ก้าวกระโดดที่สุดใน ‘เอเชีย’
ปี 2017 พวกเขาคือ ทีมที่ก้าวกระโดดที่สุดใน ‘เอเชีย’
DST.SpecialReport : ก่อนเดินทางมาสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ “ยูเออี” กุนซือเลือดเซิร์บ “มิโลวาน ราเยวัช” รู้ดีว่า นี่คือ ทัวร์นาเมนต์ “ชี้เป็นชี้ตาย” ของเขา หากพา “ช้างศึก” ตกรอบแรก
แต่ “ราเยวัช” ไม่รู้เลยว่า “ฟางเส้นสุดท้าย” ของเขาสั้นกว่านั้น หากไม่สามารถ “กำชัย” เหนือ “อินเดีย” ในนัดประเดิมสนาม ที่มีส่วนสำคัญในการกำหนด “ชะตา” สำหรับรอบต่อไป
ไม่แปลกที่ “ราเยวัช” จะเปิดเกมรุกเข้าใส่ “อินเดีย” ต่างไปจากรูปแบบการเล่นใน “ซูซูกิ คัพ” เพราะเขาเองก็รู้ว่า มันมีความหมายแค่ไหนสำหรับนัดนี้
แต่เมื่อ “กลศึก” ที่วางหละหลวม จน “ช้างศึก” ถูก “อินเดีย” อัดจนอ่วมอรทัย เกินกว่าที่ใครจะรับได้ในการเจอกับทีมที่มีระดับสูสี เก้าอี้ของเขาจึง “ปลิว” แบบไม่ต้อง “ชั่งใจ”
วันนี้จึงขอมาทำความรู้จัก “อินเดีย” ในโลกฟุตบอลกันอีกสักครั้งว่า พวกเขายืนอยู่ตรงไหนในระดับ “เอเชีย” และ “โลก” และเหตุใดทีมชาติไทยที่ไม่เคยแพ้ให้ “ทีมโรตี” ตั้งแต่ปี 1986 หรือจะ 33 ปีอยู่แล้ว จะมาเละเทะได้ขนาดนี้
เหนือสิ่งอื่นใด “อินเดีย” คือ ทีมที่ทำให้ “ราเยวัช” ร่วงกลางอากาศ ไม่ทันได้กลับมาเก็บของที่เมืองไทย
ปัจจุบัน “ฟีฟ่าแรงกิ้ง” ของพวกเขาอยู่ในอันดับ “99” ของโลก โดยเคยขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดที่อันดับ “94” เมื่อปี 1996 และเคยตกต่ำที่สุดในอันดับ “173” เมื่อปี 2015 หรือ 3 ปีที่ผ่านมานี้เอง
โดยเดือนเมษายน 2017 “อินเดีย” เคยสร้างปรากฏการณ์ทะยานแบบพุ่งพรวด จากร้อยปลายๆ มาอยู่ในอันดับที่ “101” ของโลก และยังเป็นทีมที่เลื่อนอันดับที่ดีที่สุดของทีมชาติในทวีปเอเชีย จาก 31 มาอยู่ในอันดับที่ 11 ของเอเชีย
“อินเดีย” ไม่เคยเข้าร่วมแข่งขันในฟุตบอลโลกสักครั้งเดียว มีเฉียดที่สุดคือ เคยผ่านรอบคัดเลือกในปี 1950
ภายหลังจากที่พม่า อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ถอนตัวในรอบคัดเลือก แต่พวกเขาถอนตัวก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้น เนื่องจากปัญหาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปประเทศบราซิล
และนับตั้งแต่รอบคัดเลือกปี 1986 เป็นต้นมา “อินเดีย” เข้าร่วมการแข่งขันรอบคัดเลือก แต่ไม่เคยผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายได้เลยสักครั้ง
ส่วนใน “เอเชียนคัพ” ผลงานที่ดีที่สุดคือ อันดับรองชนะเลิศในปี 1964 หรือ 54 ปี ซึ่งคือ “กว่าครึ่งศตวรรษ”
ในการเจอกันระหว่าง “ทีมชาติไทย” กับ “ทีมชาติอินเดีย” ในเกมอย่างเป็นทางการทั้งหมด 21 นัด ก่อน “แมตซ์อัปยศ” ที่ยูเออี “ทัพช้างศึก”สามารถทำผลงานได้เหนือกว่า โดยเอาชนะไป 11 นัด เสมอ 4 นัด และแพ้แค่ 6 นัด
ในทีมชุดนี้ “Sunil Chhetri” คือ นักเตะที่ติดทีมชาติสูงสุด 104 นัด และยังทำหน้าที่เป็น “กัปตันทีม” นอกจากนี้ เขายังเป็น “ดาวซัลโวทีมชาติ” จากจำนวน 56 ตุง และ “สุนิล เซตรี” คนนี้นี่แหละเป็นคนยิงแสกหน้า “เจ้าบอย” ฉัตรชัย บุตรพรม ในจังหวะขึ้นนำ 2-1
“อินเดีย” ชุดนี้ อยู่ภายใต้การคุมทีมของ “สเตฟาน คอนสแตนติน” กุนซือชาวอังกฤษ วัย 56 ปีคนที่เคยคุมซูดานพ่ายแพ้ให้กับ “กาน่า” ภายใต้การคุมทีมของ “ราเยวัช” แบบผูกขาด
หาก 2 นัดที่เหลือ “ช้างศึก” ไม่สามารถกำชัยได้เลย อย่างน้อยที่สุด “อินเดีย” ชุดนี้อาจเป็นทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุด หรือบางทีพวกเขาอาจทำได้เกินเป้ากว่านั้น
แต่แน่ๆ วันนี้ “อินเดีย” ที่ไม่เคยชนะไทยมาหลายสิบปี ทำให้เก้าอี้ของกุนซือมากประสบการณ์ต้องกระเด็น.
เรียบเรียงโดย : วนิลลาสกาย
ขอบคุณภาพ : เพจช้างศึก