
ระลึกความหลังในประเทศไทยกับ “คิง บียอห์น” กองกลางซ้ายพิฆาต
DST.News Special : หากนึกถึง “นักเตะเยอรมัน” ที่เคยมาค้าแข้งในไทยลีก ชื่อแรกที่ผุดมาในหัวแฟนบอลไทย ร้อยทั้งร้อย จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “คิง บียอห์น – บียอห์น ลินเดมันน์” อดีตกองกลางเท้าหนัก ที่ผ่านการค้าแข้งในไทยให้กับหลายสโมสร ทั้ง อาร์มี ยูไนเต็ด (ปี2012) , สุพรรณบุรี เอฟซี (2013-2014) , นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี (2015) , ราชนาวี เอฟซี (2017-ครึ่งฤดูกาลแรก) และ ศรีสะเกษ เอฟซี (2017-ครึ่งฤดูกาลหลัง) กับ 6 ปี บนแผ่นดินสยาม “เขา” มีทั้งช่วงเวลาดี และ แย่ เคล้ากันไป
ปัจจุบัน อดีตเด็กปั้นของ “ฮันโนเวอร์ 96” ทีมของประเทศเยอรมนี วัย 34 ปี ค้าแข้งอยู่กับ “เอสเอสวี เจ็ดเดเลาะห์” ทีมดิวิชั่น 4 ของประเทศบ้านเกิด แต่เขายังมีความทรงจำดีๆ แบบชนิดที่ลืมไม่ลง มาบอกผ่าน Dailysoccerthailand ที่มีโอกาสพูดคุยแบบใกล้ชิด
DST : ผู้เล่นไทยคนไหน ที่คุณคิดว่ายอดเยี่ยมที่สุด เท่าที่เคยเผชิญหน้าด้วย ?
ลินเดมันน์ : คำถามนี้ง่ายมากเลย หากเป็นช่วงที่ผมค้าแข้งอยู่ในไทยนะ คำตอบมีไม่เกิน 3 คน อย่าง “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา และ “เมสซี่ เจ” ชนาธิป สรงกระสินธุ์ ความคิดผมยกให้ “เมสซี่เจ” เป็นนักเตะไทยที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ผมเคยเจอ หากคุณเห็นเขาในทีวี คุณอาจจะคิดว่า เอ้ย! หมอนี่ดูน่าตื่นตาตื่นใจ จากการลากเลื้อย ที่ป่วนคู่แข่งแบบสุดๆ
“แต่หากคุณเป็นคนที่ต้องดวลกับเขา จะพบว่า นอกจากการเลี้ยงบอล และความเร็วแล้ว สิ่งที่ทำให้ “เจ” มาไกลได้ เพราะเขาเข้าใจ การเคลื่อนที่ของเพื่อนร่วมทีมและคู่แข่งเป็นอย่างดี เขารู้ว่าควรเลี้ยงกินตัว จ่ายบอล ยิงไกล หรือ เรียกฟาวล์ เวลาไหน นั่นละคือจุดแข็งของเขาที่คนไม่ค่อยสังเกต และทำให้เขาแตกต่างกับผู้เล่นคนอื่น”
DST : แล้วผู้เล่นต่างชาติละ ?
ลินเดมันน์ : คู่แข่งที่หินที่สุดสำหรับผมคือ “อันเดร ตูเนซ” กองหลัง ทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพราะ เขาตัวใหญ่ และแข็งแกร่ง แต่จุดแข็งของเขาจริงๆคือ ความนิ่งในพื้นที่สุดท้าย หากใครได้ดูเขาเล่น จะเห็นว่าแม้เขาเป็นคนสุดท้ายที่อยู่หน้าปากประตูโดยไม่มีผู้รักษาประตู เขาควบคุมสถานการณ์ได้แบบนิ่งสุดๆ ซึ่งผลงานอันยอดเยี่ยมของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ผมว่าเขาควรได้รับเครดิตมาก
DST : ความแตกต่างของกระแสบอลไทย ระหว่างตอนนที่คุณพึ่งมาเล่นในไทยลีก ปีแรก กับปีสุดท้ายก่อนคุณย้ายกลับบ้านเกิด ?
ลินเดมันน์ : ตอนแรกที่ผมมาถึงเมืองไทย กระแสฟุตบอลไทยไม่คึกคักขนาดนี้ เพราะมีกีฬาอื่นๆ ที่คนไทยนิยมมากกว่า อย่าง วอลเลย์บอล หรือมวยไทย สำหรับฟุตบอลคนไทยจะดูเยอะหน่อย ช่วงที่ทีมชาติมีเกมแข่งขัน คนจะดูเต็มสนาม แต่ตอนนี้เท่าที่ผมสังเกต กระแสไทยลีก ดูดีขึ้นทุกๆ ปีนะ เห็นข่าวว่าหลายสโมสรทุ่มเงินซื้อผู้เล่นดีๆ และปรับปรุงภาพรวมของสนาม และตอนนี้ฟุตบอล กลายเป็นกีฬา ยอดนิยมของคนไทยอย่างเห็นได้ชัด อีกอย่างคือ ผลงานของทีมชาติไทยชุดต่างๆ เป็นส่วนสำคัญในการกำหนดความนิยมของแฟนบอลด้วยเช่นกัน หากทีมชาติมีผลงานดี แน่นอนว่า แฟนๆ ก็อยากดูบอลกันมากขึ้น
DST : สนามไหนที่คุณไปเยือนแล้วสัมผัสได้ถึงความเกรี้ยวกราดของแฟนบอลมากที่สุด ?
ลินเดมันน์ : สนามของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด มีบรรยากาศยอดเยี่ยม แต่สำหรับผม ไม่มีสนามไหนหินไปกว่า สนามเหย้าของ ปราสาทสายฟ้า – บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีกแล้ว เพราะแฟนบอลของพวกเขาจริงจังสุดๆ มีเสียงโห่ฮา แทบจะทุกอริยาบถ และร้องเพลงกันไม่หยุด โดยมีผู้บริหารสโมสรมานำเชียร์ด้วยตัวเอง แต่ผมไม่แปลกใจนะ เพราะตอนนี้ชื่อเสียงของเขาใหญ่เกินระดับประเทศไปแล้ว ขณะที่ กระแสฟุตบอลใน จ.บุรีรัมย์ก็ฟีเวอร์สุดๆ ผมมองว่าทีมนี้ละคือ “ต้นแบบการพัฒนาสโสรฟุตบอลในไทย”
DST : ช่วงเวลาไหนที่ยอดเยี่ยมที่สุด เมื่อคุณอยู่ในประเทศไทย ?
ลินเดอร์มันน์ : ผมมีช่วงเวลาดีๆมากมายในประเทศไทย ทั้งการแต่งงานกับภรรยาชาวไทยของผม หรือประสบการณ์การลงเล่นในไทยลีกกับทีมต่างๆ แต่ช่วงเวลาที่ผมมองว่าสวยงามที่สุด คือ ตอนที่ลุกคนแรกผมคลอด ที่โคราช สิ่งนี้เป็นก้าวใหม่ในชีวิตผม และถือเป็นของขวัญล้ำค่าที่ไม่มีอะไรมาเทียบได้เลย
DST : คุณคิดถึงอะไรในประเทศไทยบ้าง ?
ลินเดมันน์ : ผมคิดถึงเพื่อนๆ ที่สนิทในประเทศไทย เพราะตอนนี้ผม พร้อมครอบครัว ย้ายมาอยู่ที่ประเทศเยอรมันแล้ว อีกเรื่องคือ ผมคิดถึงแสงแดด ในประเทศไทย เมื่อประเทศเยอรมันอยู่ในฤดูหนาว แม้แดดเมืองไทย ตากแล้วจะร้อน แต่พอไม่โดนแล้วมันกลับกระตุ้นให้ผมคิดถึงความอบอุ่นจากมันซะอย่างนั้น
กับความทรงจำ ที่ยังคิดถึงของ “คิง บียอร์น” รู้ไหมว่า นอกจาก เขาจะมีภรรยาคนไทย แล้ว เขายังรักประเทศไทยมาก ถึงขั้น สักรูปแผนที่ประเทศไทยไว้ที่แขนขวาอีกด้วย และนั่นถือเป็น ความชื่นชมและภาพจำที่ดีๆ ของนักเตะต่างชาติที่มีโอกาสครั้งหนึ่งเคยสัมผัสเมืองไทย
หวังว่า ประสบการณ์อันแสนล้ำค่า ที่ “คิง บียอห์น” เก็บเกี่ยวไปจากประเทศไทย จะช่วยแง้มใจ นักฟุตบอลยุโรปคนอื่นๆ ให้ข้ามน้ำ ข้ามทะเล มาค้าแข้งในไทยลีก เพื่อช่วยยกระดับการแข่งขันให้มีคุณภาพมากขึ้น ในอนาคต.
ขอบคุณ สโมสรssv Jeddeloh
By : ใบไม้ห้าแฉก