- Home
- Special Report
- เปิดใจ “จรวดนกใหญ่” เฮนรี ดุมเบีย เบอร์นาร์ด “เพราะผมกับบีรัมพูดภาษาเดียวกัน”
เปิดใจ “จรวดนกใหญ่” เฮนรี ดุมเบีย เบอร์นาร์ด “เพราะผมกับบีรัมพูดภาษาเดียวกัน”
DST.Special Report : ย้อนกลับไปฤดูกาล 2014 “เฮนรี ดุมเบีย เบอร์นาร์ด” และ “ดิยุฟ บีรัม” สองกองหน้าผิวสี ผู้มีเชื้อชาติ “ไอวอรี่ โคสต์” เคยร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ในสมรภูมิ “ไทยพรีเมียร์ลีก” เพื่อช่วยทัพ “ขุนศึก สระบุรี เอฟซี” เอาตัวรอดในลีกสูงสุดของสยามประเทศ
ภายหลังสงครามสงบ “ขุนศึก สระบุรี เอฟซี” ตัดสินใจยอมรับชะตากรรมด้านการเงิน ทำให้ “ดุมเบีย” และ “บีรัม” ที่หิ้วสตั๊ดจากแผ่นดินแม่มาค้าแข้งในอีกทวีปอันไกลโพ้น ถึงคราวต้องแยกย้ายกันไปหาต้นสังกัดใหม่
“บีรัม” ที่ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยมาก่อน ยังคงโลดแล่นในลีกสูงสุด กับทีมนู้นบ้าง ทีมนี้บ้าง ด้วยเพราะฝีเท้าของเขาอยู่ในระดับ “มาตรฐานไทยลีก” ยกเว้นช่วงที่อาการบาดเจ็บหมันไส้เขา
ขณะที่เกลอรักรุ่นน้อง “ดุมเบีย” ลงไปเล่นในลีกล่างกับ “นับรบรวงทอง” ก่อนจะโยกไปสวมยูนิฟอร์ม “ยักษ์แสด” อุดรธานี เอฟซี ในช่วงหนึ่ง แล้วกลับมาที่ “อ่างทอง เอฟซี” อีกครั้ง
ช่วงที่ผ่านมา มันดูไม่มีวี่แววว่า “คู่หูนรกแตก” จะได้กลับมาประสานงานกัน ทว่า ขึ้นชื่อว่า “โชคชะตา” ไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้
“ดุมเบีย” คือ นักเตะรายแรกของ “นกใหญ่พิฆาต” ชัยนาท ฮอร์นบิล ในฤดูกาล 2018 โดยไปกระชากตัวมาจากอ้อมอก “นับรบรวงทอง” หลัง “เฮียรุท” อนุรุทธิ์ นาคาศัย รองประธานสโมสร หมายหัวเอาไว้ โทษฐาน “ยิงกูดีนัก” ตอนปะทะกันใน “ไทยลีก 2”
ด้าน “บีรัม” เข้ามา “เขาพลอง” ในช่วงสุดท้ายของตลาดนักเตะ หลัง “สุโขทัย” ไม่ต่อสัญญา เพราะอาการบาดเจ็บเรื้อรัง ถึงขนาดเจ้าตัวโพสต์เฟซบุ๊กหาต้นสังกัดใหม่ พร้อมออปชั่น “ถ้าผมเจ็บ ไม่ต้องจ่ายค่าจ้าง” และเป็น “ชัยนาท” ที่ “ขอเสี่ยง”
และนั่นทำให้ “เกลอโกตดิวัวร์” ได้กลับมาประสานงานใน “แดนหน้า” บนลีกสูงสุดอีกครั้ง
แม้จะร้างการเล่นคู่กันไปหลายปี แต่ “ดุมเบีย” และ “บีรัม” กลับทำเหมือนกับว่า ช่วงเวลาที่หายไปมัน “ไร้ความหมาย” พวกเขาสองคนประสานงานกันแบบ “ละมุน” และ “แนบเนียน” จนสถาปนาเป็น “ดูโอ้ในตำนาน” อีก 1 คู่
ก่อนฤดูกาลรูดม่านอีก 3 นัด “ดุมเบีย” และ “บีรัม” กระทุ้งให้ “ทัพนกใหญ่” ไปแล้วกันคนละ 12 ประตู ความเร็วของคู่ปั่นป่วนแนวรับคู่ต่อสู้ได้เกือบจะทุกแมตซ์ จนแฟนๆ เปรียบเปรย “เขาพลอง” ว่า “ที่นี่แอฟริกา” เวลาที่ทั้งสองคนทำประตูในนัดเดียวกันได้
แข้งวัย 25 ปี รุ่นน้องอย่าง “ดุมเบีย” กล่าวถึงเหตุผลที่ทำให้ผลงานของทั้งคู่ ยิงสะบั้นหั่นแหลกทั้งที่ร้างลาการเล่นร่วมกันมาหลายปี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแผนการเล่นของ “เดนิส อมาโต” ผู้เป็นโค้ช ที่ดึงศักยภาพของพวกเขาทั้ง 2 คนออกมาได้มากที่สุด
“อีกส่วนหนึ่งคือ ผมเคยเล่นกับ บีรัมมาแล้ว สมัยอยู่สระบุรี เราพูดภาษาเดียวกัน เพราะเรามาจากประเทศเดียวกัน มันทำให้ง่ายในการทำงานร่วมกัน”
“ดุมเบีย” ยังกล่าวขอบคุณสโมสรชัยนาทที่ไว้วางใจดึงตัวเขากลับขึ้นมาพิสูจน์ตัวเองบนลีกเบอร์ 1 ของประเทศไทยด้วย ว่า มันเป็นเรื่องวิเศษมากๆ สำหรับเขา “ผมมีความสุข และภูมิใจมากในฤดูกาลนี้ เพราะเป็นฤดูกาลแรกที่ผมได้ลงเล่นไทยลีก 1 แบบเต็มๆ ต้องขอบคุณ ทีมงานสต๊าฟโค้ช ที่เชื่อมั่นในตัวผม”
ขวัญใจนกใหญ่คนปัจจุบัน ที่แฟนบอลฝากความหวังจากฝีเท้าและฟอร์มของเขา เพื่อให้ “นกใหญ่” ยังโบยบินในไทยลีก 1 ในปีหน้า ยอมรับว่า กดดันบ้างที่แฟนๆ คาดหวังในตัวเขาไว้สูง เพราะเป็นภารกิจที่ค่อนข้างหนักหนาสาหัส
“หากผมบอกว่าผมไม่กดดัน คงจะไม่ใช่ แต่หากมองอีกมุมความคาดหวังเหล่านี้ เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญเพื่อให้ผมรีดฟอร์มที่ดีที่สุดออกมา”
ระหว่างการสนทนา มีการพูดคุยถึง “ความเร็ว” ของเขา ที่มักฉีกแนวรับคู่แข่งจนขาดวิ่น ซึ่งเทปการแข่งขันแต่ละนัด ปรากฏภาพแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนจัดเป็นนักเตะสายพันธุ์ “จรวด” เบอร์ต้นๆ บนลีกไทย “ดุมเบีย” ได้ชี้แจงว่า มันไม่ได้มีสูตรอะไรเลย นอกจากการฝึกฝนหนัก
“มันไม่ได้มีความลับอะไรเป็นพิเศษ ผมซ้อมหนัก และตอนวิ่งก็คิดเพียงว่า ผมต้องเคลื่อนที่ไปบริเวณที่ว่างให้เร็วที่สุดแค่นั้น”
ตอนท้ายได้ถามเจ้าของหมายเลข 11 ของขุนพลสีชมพูถึง 3 เกมที่เหลือว่า ชัยนาทจะผ่านมันไปได้หรือไม่ เพราะล้วนแต่เป็นเกมที่ยาก เขาตอบอย่างมั่นใจเลยว่า แน่นอน เพราะเชื่อในศักยภาพของต้นสังกัดปัจจุบัน
“พวกเราสามารถพิชิตสองทีมที่ดีที่สุดในเมืองไทยทั้ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในปีนี้ นั่นแสดงให้เห็นว่าเราดีพอ”
สถานการณ์วันนี้ของ “ชัยนาท” กับ “สระบุรี” เมื่อวันนั้นมีความคล้ายคลึงกันคือ “หนีตาย” ซึ่งบทส่งท้ายเมื่อปี 2014 คือ ทั้ง “ดุมเบีย” และ “บีรัม” ทำได้สำเร็จ
ส่วนที่ “ชัยนาท” เป้าหมายของ “ดุมเบีย” ก็เป็นแบบนั้นอีกเช่นกันคือ ทำมันให้ได้อีกครั้ง!
เรียบเรียงโดย : วนิลลา สกาย
ขอบคุณภาพ : เพจ CHAINAT Football Club